xs
xsm
sm
md
lg

อิ่มอร่อยกับสุดยอดเมนู ที่ “ฮ่องกง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในการเดินทางท่องเที่ยวนั้น เรื่องปากท้องถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลย เพราะแม้จะได้เที่ยวชมสถานที่สวยงามต่างๆ แต่หากไร้รสชาติของอาหารอร่อยระหว่างทาง ก็เหมือนการท่องเที่ยวนั้นจะขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง

ดังเช่นเมืองท่องเที่ยวอย่างเกาะฮ่องกง ที่ถือเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากคนไทยมาช้านาน ซึ่งนอกจากแสงสีแล้ว อาหารการกินในฮ่องกงนั้นก็ถือเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน เพราะที่นี่ถือว่าเป็นศูนย์กลางของอาหารอร่อยต่างๆ หลากหลาย

ด้วยเหตุนี้ ทางการท่องเที่ยวฮ่องกงจึงได้จัดทำหนังสือคู่มือเล่มเล็กๆ พกพาสะดวกชื่อว่า “อิ่มอร่อยตลอดทางในฮ่องกง” ขึ้น เพื่อแนะนำร้านอาหารน่าอร่อยต่างๆ 50 ร้านดังในย่านเซ็นทรัล, เชิงหว่าน, แฮปปี้ วัลเลย์, คอสเวย์ เบย์, วันไช และเย๋า-จิม-หมง (ชื่อย่อเพื่อเรียกรวมย่านเย๋ามะไต๋ จิมซาโจ่ย และมงก๊ก เข้าด้วยกัน) ให้กับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะเดินทาง หรือมีแผนว่าอยากจะเดินทางท่องเที่ยวในฮ่องกง จะได้เตรียมเปิดแผนที่ตระเวนกินให้อร่อยไปเลย

สำหรับร้านอาหารที่เขาแนะนำมานี้ก็ไม่ได้เอ่ยขึ้นมาลอยๆ แต่รวบรวมมาจากคำบอกเล่าของกูรูด้านอาหารในฮ่องกง อย่าง เครก อู่ เยิง หยิง ไช พิธีกรรายการอาหารและนักเขียน เบลินดา หว่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เดนนี่ ฮิป ฉายา “เจ้านักชิม” ของวงการท่องเที่ยว และ มิเชล โล ดีเจวิทยุชื่อดัง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างร้านเด่นบางส่วนจาก 50 ร้านอร่อยเหล่านั้นมาบอกกล่าวกันยั่วต่อมอารมณ์หิว

เริ่มจากมื้อเช้าที่ร้าน Lin Heung Tea House ร้านน้ำชาเก่าแก่กว่า 80 ปีในถนน Wellington Street ย่านเซ็นทรัล ที่มีเมนูโดดเด่นอยู่ที่ซาลาเปาไส้ไก่ลูกโตหอมกรุ่น ที่จะทำมาแค่ 100 ลูกต่อวันเท่านั้น เรียกว่าช้าหมดอดลิ้มรสซาลาเปาที่เนื้อนุ่มจนละลายในปาก ผสมกับไส้ในที่หอมอร่อยจากส่วนผสมของไก่ เห็ด และไข่เค็ม และเมนูน่าลองอื่นๆ อย่างซาลาเปาไส้ลูกบัวไข่เค็ม ขนมจีบกระเพาะหมู และฟองเต้าหู้ห่อลูกชิ้นเนื้อเด้ง

หรือจะเป็นอาหารเบาๆ อย่างโจ๊กที่ร้าน Sang Kee Congee Soup ที่ถนน Burd Street ย่านเชิงหว่าน โจ๊กร้านนี้มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งโจ๊กปู โจ๊กปลา และโจ๊กเครื่องในหมู สำหรับโจ๊กปลาไม่ต้องกลัวว่าจะคาว เพราะเขาใช้ปลาน้ำจืดจากแม่น้ำ จึงไม่เหม็นกลิ่นคาว และเมนูที่ควรลองอีกอย่างหนึ่งก็คือ “ห่อ ฝัน” บะหมี่และสตูว์เนื้อ และทอดมันปลา

มื้อกลางวันหนักท้องขึ้นมาอีกหน่อยกับบะหมี่ที่ Mak’s Noodle ถนน Wellington Street ร้านบะหมี่ที่อายุมากกว่าคนกิน เพราะเปิดมานานถึง 100 ปีแล้ว ที่อยู่ยืนยงมาขนาดนี้ก็เพราะความหอมอร่อยของน้ำซุปที่มีส่วนผสมของกุ้ง ปลาตาเดียวป่น และกระดูกหมู และเส้นบะหมี่ที่ใช้ไข่ไก่ทำ กินคู่กับเกี๊ยวกุ้งทะเลยิ่งอร่อยจนไม่อยากลุกไปไหน

หรือจะไปลิ้มลองห่านย่างของร้าน Keung Kee Restaurant ในย่านวันไช ที่มีเมนูเด็ดคือห่านย่างสูตรลับเหรียญทอง ที่หนังนอกกรอบ แต่เนื้อในนุ่มชุ่มฉ่ำ หมูแดงหอมกรุ่นเนื้อนุ่ม ซุป 2 เดือด ที่ใช้เวลาต้มนานกว่า 3 ชั่วโมง และซุปไก่ใส่มะพร้าว เห็ดหูหนูขาว และเก๋ากี้ ก็อร่อยลิ้นน่าลิ้มลองด้วยเหมือนกัน

หลังจากเดินทางท่องเที่ยวมาทั้งวันแล้ว พอตกเย็นก็ชักเริ่มหิว เพราะฉะนั้นไปหาอาหารมื้อใหญ่กันที่ Tai Ping Koon Restaurant ย่าน Cause Way Bay ร้านอาหารแห่งแรกของฮ่องกง และร้านอาหารแนวตะวันตกแห่งแรกในแคนตันที่เจ้าของเป็นคนจีน เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ.1860 ที่แม้แต่เจียง ไค เช็ก โจว เอินไหล และเจ โชว ยังติดใจในรสชาติ หากใครได้มากินอย่าลืมสั่งปีกไก่อบซอสสวิส ซอสสูตรพิเศษของร้าน และนกพิราบย่างเนื้อนุ่ม

หรือหากอยากกินอาหารทะเล ก็เชิญมาได้ที่ Hee Kee Fried Crab Expert ย่านวันไช ที่มีเมนูเด็ดคือปูทะเลผัดพริก ที่ต้นกำเนิดของเมนูเด็ดนี้อยู่บนเรือสำปั้น ปูทะเลผัดพริกนี้จะใช้ปูตัวโตไปทอดในน้ำมัน แล้วใส่พริกและกระเทียมสับที่แช่ซอสเต้าซี่ไว้ข้ามคืนลงไป อีกหนึ่งเมนูเด็ดก็คือกั้งทอดกระเทียม และผัดหมี่ปู

แต่ถ้าอาหารเย็นย่อยเร็วเกินไป ก็ต่อด้วยมื้อดึกอีกสักมื้อ หม้อไฟร้อนๆ ยามดึกน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี และหากอยากกินอาหารประเภทนี้ ก็ต้องมาที่ร้าน Yau Gwat Hei ย่าน Cause Way Bay ที่มีเมนูแปลกๆ อย่างติ่มซำ ซาลาเปาไส้หมูแดง ซาลาเปาไส้ครีม อยู่ในน้ำซุปหม้อไฟ!! น้ำซุปหม้อไฟของที่นี่จะเป็นน้ำซุปข้นสีขาว ที่ได้จากการต้มกระดูกหมูนานถึง 8 ชั่วโมง โดยทางร้านจะใส่ซี่โครงหมู กระดูกหมูอ่อน และขาหมูลงไปต้มในน้ำซุปด้วย ทำให้น้ำซุปข้นอร่อย และหากใส่ซาลาเปาไส้ครีมและชีสลงไปในน้ำซุป ก็จะได้รสชาติหม้อไฟที่อร่อยไม่เหมือนใคร

หรือถ้าเป็นมื้อดึกเบาๆ หน่อยก็อาจจะเลือกกินก๋วยเตี๋ยวหลอดจากร้าน Tong Kee ย่านเยามะไต๋ ที่ยังคงทำแป้งก๋วยเตี๋ยวหลอดด้วยมือ ไม่ใช้เครื่องจักร ทำให้ได้แป้งเนื้อเนียนบาง ส่วนไส้ก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะมีให้เลือกหลากหลาย เช่น ไส้ปลาชิ้น ไส้เป็ดย่าง ไส้ตับหมู หรือหากเลือกไม่ถูกเพราะเป็นคนหลายใจ จะสั่งหลายไส้มารวมกับแบบรวมมิตรก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้น ที่ร้านก็ยังมีเมนูโจ๊กกระดูกหมูใส่กึ๋นเป็ดให้ลิ้มลองด้วยเช่นกัน

กินแต่ของคาวมาสามสี่มื้อ ต้องมีของหวานตบท้ายกันให้ครบถ้วน ชาวฮ่องกงเองนิยมกินของหวานหลังอาหารเย็น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นลูกค้ายังแน่นร้านของหวาน แม้เวลาจะเลยตีหนึ่งไปแล้วก็ตาม เพราะฉะนั้นไปหาขนมอร่อยๆ กินกันดีกว่า เริ่มจากร้านแรก Yuen Kee Dessert ร้านของหวานเก่าแก่กว่า 100 ปีที่ยังใช้เครื่องโม่หินแบบดั้งเดิมในการทำขนม เมนูเด็ดต้องไม่พลาดวอลนัทเม็ดบัว ที่ทำจากวอลนัทคั่วและเม็ดบัวคุณภาพสูง กลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น นอกจากนั้นก็ยังมีชาสมุนไพรโบราณเสิร์ฟพร้อมไข่ ที่มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิต และเพิ่มพลังหยินให้แก่ร่างกาย

หรือจะเป็นร้าน Yee Shun Dairy Company ร้านของหวานสไตล์มาเก๊าย่าน Cause Way Bay ที่มีของหวานน่าอร่อยอย่างนมตุ๋นไข่ขาว สำหรับนมตุ๋นนั้นทำจากนมสด 100% ไขที่ลอยอยู่ด้านบนก็คือฟองนมบางๆ นอกจากนั้นก็ยังมีไข่ตุ๋นใส่น้ำตาลกรวดที่รสชาติเหมือนพุดดิ้งไข่

และพลาดไม่ได้กับขนมเลื่องชื่อของเกาะฮ่องกงอย่างทาร์ตไข่ ขอแนะนำร้าน Honolulu Coffee Shop ที่เปิดขายทาร์ตไข่มานานถึง 50 ปีแล้ว และมีสาขาถึง 5 แห่งด้วยกัน ขายทาร์ตไข่วันหนึ่งกว่าหมื่นชิ้น จนได้รับฉายาว่า “ราชาแห่งทาร์ตไข่” ด้วยความอร่อยของแป้งร่วนกรอบที่หุ้มไส้คัสตาร์ดเนียนนุ่มไว้ตรงกลางทำให้ลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนมาซื้อทาร์ตไข่ติดไม้ติดมือกลับไปเป็นประจำ ซึ่งร้านนี้เขาก็อบทาร์ตไข่ใหม่ๆ สดๆ สำหรับลูกค้าไว้ทุกวันเช่นกัน

อิ่มท้องครบถ้วนทุกมื้อดีแล้ว อย่ามองข้ามร้านขนมพื้นเมืองริมทางไป เพราะขนมพื้นเมืองเหล่านี้จะทำให้เราเข้าถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวฮ่องกงได้ เริ่มจากร้านแรกเลยคือร้าน Chan Yee Jai ถนน Queen’s Road ที่เป็นร้านขายขนมหวานแบบดั้งเดิมของ ขนมยอดนิยมที่มีขายทุกวันก็ได้แก่บิสกิตอัลมอนด์หน้าตาน่ากิน กุ้งม้วนที่ทำจากฟองเต้าหู้ยัดไส้กุ้ง บิสกิตหมากรุก เค้กรังนก บะหมี่ไข่กุ้ง

หรือใครชอบขนมหวานแบบโบราณก็ขอแนะนำเค้กพุดดิ้ง หรือ Put Chai Ko ที่หัวมุมถนน Wellington Street ขนมที่หายากมากในเขตเมือง ที่สำคัญยังเปิดขายเพียง 2 ชั่วโมง และขายเพียง 300 ชิ้นเท่านั้นเอง ขนมชิ้นนี้เป็นที่นิยมของพนักงานออฟฟิศ โดยมีให้เลือกหลายรสด้วยกัน เช่น น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดง และถั่วแดง หรือจะลองชิมขนมเค้กหน้าตาน่ารักจากร้าน Zoe ที่ Shan Kwong Road ย่านแฮปปี้ วัลเลย์ ซึ่งมีเค้ก Zoe ชื่อเดียวกับร้านให้เลือกหลากหลาย 7-8 ชนิดในแต่ละวัน

แต่ถ้าใครมีเงินเหลือจากการช้อปปิ้งที่ฮ่องกงแล้วอยากจะกินอาหารมื้อใหญ่ในภัตตาคารหรูๆ ที่นี่ก็มีหลายร้านให้เลือก อย่าง Tai Woo Restaurant ภัตตาคารที่คว้าเหรียญรางวัลไปได้ถึง 23 เหรียญจากการเข้าร่วมประกวดสุดยอดอาหารอร่อยฮ่องกงตลอดหกปีที่ผ่านมา และรางวัลเหรียญทองยอดเยี่ยม 4 รางวัลในการประกวดประจำปี 2006 เมนูเด่นอยู่ที่ปลาไหลนึ่งสองรสใส่ข้าวกรอบ โรลไส้เนื้อปลานึ่งบดและบวบยัดไส้เนื้อปลา กุ้งผัดเผ็ดกับฟองเต้าหู้ และสตูว์เนื้อวัว ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเด็ดไม่ควรพลาด

หรือจะไปลิ้มลองอาหารจากร้าน Golden Bauhinia Cantonese Restaurant ภัตตาคารอาหารกวางตุ้งที่มักใช้เป็นร้านสำหรับรับรองลูกค้าชาวต่างชาติและงานพิธีต่างๆ อาหารที่ร้านนี้จึงออกแนวตะวันตก เมนูเด็ดที่นี่ก็คือก้ามปูนึ่งห่อแตงฝานใส่ไข่ขาว ข้าวทอดรสเปรี้ยวหวานกับหอยเชลล์ที่นอกจากรสชาติจะอร่อยแล้วยังตกแต่งอย่างสวยงาม หรือจะเป็นกุ้งทอดห่อปลาหมึกป่นชุบแป้งเสิร์ฟพร้อมซอสมะม่วงก็อร่อยไม่แพ้กัน

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ผู้ที่สนใจสามารถขอรับคู่มือ “อิ่มอร่อยตลอดทางในฮ่องกง” ได้ฟรีด้วยตนเองที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวฮ่องกง สอบถามโทร.0-2636-8339
กำลังโหลดความคิดเห็น