xs
xsm
sm
md
lg

ถนนคนเดิน“แม่ฮ่องสอน-ปาย”...ถนน 2 สายบนความแตกต่าง/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี

ผมไม่แน่ใจว่าวัฒนธรรมถนนคนเดิน เข้ามาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อไหร่

แต่จำได้ว่า ถนนคนเดินสายแรกที่ผมมีโอกาสย่ำเท้าเดินเป็นครั้งแรกก็คือถนนพระอาทิตย์ กทม.เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว

หลังจากนั้นรสนิยมและวัฒนธรรมถนนคนเดินก็เริ่มเข้ามาระบาดแพร่หลายในเมืองไทย จากกรุงเทพฯ(สีลม)ขึ้นเหนือไปเชียงใหม่ แล้วแตกกระจายไปในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ดังเช่นถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนที่ผมมีโอกาสได้ไปเดินเมื่อคราวไปเยือนเมืองสามหมอกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ถนนคนเดินที่นี่เป็นถนนคนเดินแบบกระทัดรัด มี 2 ซอย 1 หนอง 2 วัด คือตั้งอยู่ในซอยหลังไปรษณีย์แม่ฮ่องสอนกับซอยถนนราชธรรมพิทักษ์(2 ซอย) และบริเวณริมหนองจองคำ(1 หนอง) ค่อนมาทางฝั่งวัดจองคำ-วัดจองกลาง(2 วัด)

เท่าที่ผมสังเกตเห็น ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนจะแบ่งเป็น 2 โซนหลักด้วยกัน คือ โซนขายอาหารบริเวณริมหนองจองคำ และโซนขายสินค้าทั่วไปใน 2 ซอยที่กล่าวมาข้างต้น

จากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้า เขาบอกว่าถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนเปิดขายของเป็นอย่างเรื่องเป็นราวในปี 49 โดยก่อนหน้านั้นแม่ฮ่องสอนได้ลองจัดถนนคนเดินอยู่หลายปีเหมือนกัน แต่เป็นถนนคนเดินพเนจร คือย้ายที่ขายอยู่บ่อยๆ ไม่มีที่ทางเป็นหลักแหล่งชัดเจนเหมือนทุกวันนี้

โดยในช่วงหน้าหนาว(ต.ค.-ก.พ.) ถนนคนเดินที่นี่จะเปิดขายของทุกวัน ตั้งแต่ประมาณ 4-5 โมงเย็นเป็นต้นไป

เรียกว่าพอแสงอาทิตย์เริ่มจาง ริมหนองจองคำทางฝั่งวัดก็จะคึกคักไปด้วยเหล่าพอค้าแม่ค้าที่มาจับจอง นำของมาวางขาย มีทั้งอาหารพื้นเมือง(อาหารไทยใหญ่) อาหารเหนือ อาหารไทย และของกินอื่นๆอีกสารพัด-สารเพียบ

บรรยากาศอย่างนี้ ทำให้คนยังไม่ได้กินข้าวเย็นอย่างผม เกิดอาการ“หิวเป็นที่ซู้ด” ขึ้นมาทันที

ก็แหม...บรรดาอาหารการกินที่นี่มันล้วนแต่ดูสดใหม่ พ่อค้าแม่ค้าเขา ปิ้งๆ ย่างๆ ทอดๆ นึ่งๆ กันจะๆตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็น หมูทอด ไก่ย่าง ที่ส่งกลิ่นหอมฉุย หมูยอนึ่งอันกรุ่นกลิ่นชวนกิน ลูกชิ้น ข้าวโพดปิ้ง ไส้กรอก อาหารหลายอย่างดูแปลกใหม่ แปลกตา(สำหรับผม) อย่าง ข้าวปุ๊กงาสูตรโบราณ(ข้าวคลุกงาแบบไทยใหญ่) ขนมเส้นโก้(ขนมจีนยำแบบไทยใหญ่) ข้าวไร่-ไข่เจียว

ดูแล้วน่ากินไปโม้ด

ยิ่งเจอพ่อค้าแม่ค้าหน้าตายิ้มแย้ม(โดยแม่ค้าสาวๆ)เชิญชวนให้ซื้อหา บ้างก็เรียกให้ลองชิมกันฟรีๆ รวมไปถึงสนนราคาย่อมเยาค่อนมาทางถูก(ผิดกับของกินในตลาดกลางคืนหัวหินที่ขายราคาแพงระยับแบบขูดเลือดขูดเนื้อนักท่องเที่ยวชาวไทยซิบๆ) มีหรืองานนี้จะพลาดได้

ผมเดินชมไปชิมไป(แต่ไม่มีบ่นไปเหมือนผู้นำบางคน)ไล่ดะตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงที่หน้าวัด ก่อนจะไปนั่งแหมะสั่งอาหารกินแบบเป็นเรื่องเป็นราวตรงที่นั่งวีไอพี(นั่งเสื่อริมหนอง) หม่ำอาหารร้อนๆ จิบอะไรเย็นๆ ดูเงาน้ำที่สะท้อนเงาวัดทั้งสองและส่องต้องแสงไฟเป็นประกายวับแวม

หลังอิ่มหนำสำราญ ผมเลือกไปพักพุงด้วยการเข้าไปไหว้พระในวัดจองคำ-จองกลาง ที่อยู่ติดกัน ซึ่งต่างก็น่ายลไปด้วยศิลปะแบบไทยใหญ่

จากนั้นขากลับผมเดินไปอีกทางเพื่อเดินชมสินค้าของที่ระลึก ที่ก็เห็นมีหลากหลายอยู่เหมือนกัน โดยหลักๆก็เป็นสินค้าฝีไม้ลายมือชาวเขาที่มีแม่ค้าชาวเขา อย่าง ม้ง ลีซอ มาขายสินค้าด้วยตนเอง บางคนปักผ้ากันตรงนั้นเลย มีทั้ง เสื้อ กางเกง ผ้าห่ม ผ้าทอ กระเป๋า สายสร้อย กำไล ตุ๊กตา

ส่วนสินค้าอื่นก็มีผ้าทอแบบล้านนา งานไม้จากพม่า ตุ๊กตาชุดชนเผ่า ขนม ของฝาก ถั่วเหลืองคั่ว ชา เครื่องกระเบื้อง และที่กำลังมาแรงก็คือพลอย ทับทิม อัญมณีจากพม่า ที่มีป้ายบอกว่าใครเกิดวันไหนใส่อะไรแล้วจะเสริมดวงเสริมอำนาจบารมี นอกจากนี้ก็ยังมีร้านให้นั่งเขียนนั่งวาดโปสการ์ดทำมือ(ใบเดียวในโลก)กันในมุมฮิปๆให้กันที่มีตู้ไปรษณีย์สีแดงน่ารักๆตั้งอยู่ด้านหน้า รวมไปถึงแผงเสื้อยืดแนวๆ ดีไซน์เฉพาะตัวของแม่ฮ่องสอนที่ดูแล้วเก๋ไม่เบา

ทำให้คืนวันนั้นผมได้เสื้อยืดติดมือกลับมา 2 ตัว และข้าวของอีก 2-3 อย่าง ก่อนล่ำลาจากถนนคนเดินเมืองแม่ฮ่องสอนในค่ำคืนแรกด้วยความรู้สึกแช่มชื่นชูใจ เพราะนี่แม้จะเป็นถนนคนเดินเล็กๆสั้นๆและเรียบง่าย แต่ว่ามันดูมีเสน่ห์ตรงทำเลที่ตั้งและบรรยากาศการซื้อขายที่ไม่ดูเต็มแน่นเบียดเสียดเกินไป ไม่ดูเป็นธุรกิจจ๋าเกินไป มุ่งเน้นแต่การซื้อขายอย่างเดียวจนแทบไม่มีรอยยิ้มให้เห็นเหมือนถนนคนเดินบางที่ หากแต่มันเป็นถนนคนเดินที่อวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นเมืองแม่ฮ่องสอนอันถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่เมืองอื่นไม่มี


ต่างออกไปจากถนนคนเดินเมืองปาย ที่ผมได้เดินทางไปเที่ยวในวันและคืนต่อมา

สำหรับถนนคนเดินที่ปายผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นในปีไหน รู้แต่ว่าถนนคนเดินปายโด่งดังเอาเรื่อง ที่นี่มีสินค้าทั้งที่แบกะดิน และเป็นร้านๆเป็นห้อง ขายของอยู่ทั่วไป แถมยังมีสินค้าของขายหลากหลายและมากกว่าที่ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนเสียอีก

ส่วนใหญ่เท่าที่เห็นจะเป็นพวกผลิตภัณฑ์ชาวเขา(คล้ายถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน) ส่วนพวกของที่ระลึกนั้นที่นี่มีเพียบเลย ทั้งสไตล์พื้นเมือง สไตล์ไทยๆ สไตล์ฮิปๆ และสไตล์ฝรั่งจ๋าเพราะมีฝรั่งมาเที่ยวกันมาก แถมราคาบางเจ้าผมที่ผมเข้าไปถามนี่ ไม่น่าเชื่ออันกะติ๊ดเดียว แต่ราคานั้น โค-ตะ-ระ-แพง เลย

คนขายเขาบอกผมว่า “ของขายฝรั่งนะพี่”

เอ้อ!?! ให้มันได้อย่างงี้สิพับผ่า เมื่อสินค้าของพี่ไม่สมดุลกับราคา งานนี้อย่าหวังว่าจะได้แอ้มเงินคนไทยอย่างผมเลย

สินค้าอีกอย่างหนึ่งที่มาแรงมากในปายและเห็นกันจนเกร่อก็คือ โปสการ์ดรูปถ่ายเมืองปาย(รูปวาดก็มีเหมือนกัน)ที่เห็นมีขายอยู่หลายเจ้า ซึ่งคนขายบางคนบอกกับผมว่า

“โปสการ์ดร้านเรามันไม่ใช่สินค้านะ แต่มันคืองานอาร์ตน่ะ”

ผมเจอเข้าไปแบบนี้ จ๊าก!!! เลย

สรุปว่างานอาร์ตของพี่น่ะ ไม่ได้แดร๊กตังค์ผมหรอก ไปดีกว่า ไปดูงานที่มันธรรมดาๆ ไม่เป็นอาร์ตดีกว่า ซึ่งนอกจากสินค้าที่กล่าวมาแล้วและของทั่วๆไป ในเมืองปายยังมีสินค้าที่แสดงความเป็นปายอีกหลายอย่าง ทั้งเข็มกลัดปาย เสื้อยืดปาย ของที่ระลึกปาย เป็นต้น

ในขณะที่พวกอาหารของกินนั้น ที่ปายนี่ก็มีเยอะไม่เบา มีตั้งวางขายกันเรื่อยไปตามจุดๆต่าง โดยที่พิเศษก็คือบรรดาร้านเหล้า ผับบาร์ เพิง รถขายเหล้า ที่มีอยู่มากมายหลายเจ้า และนิยมเปิดเพลงเสียงดังแบบหวังจะแบ่งปันให้คนที่ผ่านไป-มาฟังด้วย

นอกจากนี้ยังมีบริการแลกเงินของธนาคาร 2-3 แห่งเปิดให้แลกเงินกันจนดึก

โอ...บรรยากาศธนาคารเปิดดึกแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆเลยนะซึ่งจะว่าไปถนนคนเดินปายนั้น สำหรับผมมันก็ดูมีเสน่ห์น่าเดินต่างจากถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนไปอีกแบบ

คือมันดูหลากหลาย มีทั้งความเป็นพื้นเมือง(ชาวเขา) ความเป็นไทย และความเป็นตะวันตก ผสมผสานกันอยู่ แถมยังมีทั้งคนไทย ต่างชาติ เดินปนเปกันให้ขวักไขว่ มีทั้ง คนไทย ไฮซ้อ ไฮโซ ไฮโทรม(เป็นพวกที่ดูโทรมอย่างร้ายกาจ) วัยรุ่น เด็กแนว (ดีที่วันนั้นไม่เจอเด็กแว้นท์) พวกติสต์ พวกล่องลอย นักท่องเที่ยวตัวจริง นักท่องเที่ยวตามแฟชั่น นักอุดมการณ์ วิญญูชนจอมปลอม ศิลปินของจริง-ของเก๊ พวกฮิปฮอป เร็กเก้ เพื่อชีวิต และผู้คนอีกหลากหลายสารพัด สารเพ

สำหรับบรรยากาศคืนนั้นดูๆแล้วผมรู้สึกว่าถนนคนเดินที่ปายนี่นับวันยิ่งมายิ่งคล้ายถนนข้าวสารเข้าไปทุกที ซึ่งเพื่อนที่ไปประกอบอาชีพอยู่ที่ปายบอกกับผมว่า นี่คือวิถีทางที่คนกลุ่มหนึ่งในปาย ทั้งคนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ที่ทำมาหากินด้านธุรกิจท่องเที่ยวเป็นหลัก“เลือกแล้ว” ส่วนพวกเขาจะเลือกผิดหรือเลือกถูก เวลาจะเป็นคำตอบ

ผมฟังมันพูดแล้วก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร เพียงแต่อดวิตกไม่ได้ว่า บางทีกว่าที่เวลาจะให้คำตอบ ปายอาจจะป่วยจนยากที่จะเกินเยียวยาก็เป็นได้...

กำลังโหลดความคิดเห็น