xs
xsm
sm
md
lg

"ดอยตุง" ดินแดนดอกไม้งาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีหนูไฟปีนี้ เปิดศักราชต้นปีด้วยความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ ต่อการเสด็จสู่สวรรคาลัยของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

สำหรับ "พระตำหนักดอยตุง" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งจังหวัดเชียงราย ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดีในฐานะพระตำหนักของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย ซึ่งพระตำหนักแห่งนี้สมเด็จย่าได้พระราชทานทรัพย์และแนวพระราชดำริในการก่อสร้างร่วมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่เน้นในความเรียบง่ายแต่งดงามสมส่วน

นอกจากนี้พระตำหนักดอยตุงยังเป็นพระตำหนักที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯเสด็จมาประทับและร่วมทรงงานกับสมเด็จย่าอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งหลังการสิ้นพระชนม์ เสด็จสู่สวรรคาลัยของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทางเจ้าหน้าที่ในพระตำหนักดอยตุงได้เปิดเผยว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมในส่วนของห้องท้องพระโรงจะมีการจัดเตรียมพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการบูชาร่วมกับพระฉายาลักษณ์สมเด็จย่า

โดยในอนาคตทางพระตำหนักดอยตุงจะมีการจัดแสดง "นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระพี่นางเธอฯ" ที่เคยจัดแสดงอย่างชั่วคราวมาแล้ว ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และสถานศึกษาต่างๆ มาจัดแสดงอย่างถาวรที่พระตำหนักดอยตุง

ด้วยเหตุนี้ในทริปนี้ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" จึงขอพาคุณผู้อ่านท่องไปในดินแดนดอกไม้งามนามดอยตุง เพื่อร่วมรำลึกถึงสมเด็จย่าและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระผู้มีมหากรุณาธิอันล้นพ้นต่อพสกนิกรชาวไทย

ดอยตุง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโดดเด่นแห่งจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ใน อ.แม่ฟ้าหลวง ท่ามกลางธรรมชาติอันพิสุทธิ์ บนยอดดอยตุงมีภูมิประเทศที่งดงาม โอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อนไปตามแนวพรมแดนไทย-พม่า มีอากาศที่เย็นสบาย แต่ใครจะรู้บ้างว่า ก่อนที่ดอยตุงจะมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มี่ชื่อเสียงได้ในวันนี้ เมื่ออดีตนั้นดอยตุงเป็นเขาหัวโล้นมากไปด้วยไร่ฝิ่น และการทำไร่เลื่อนลอย

จนกระทั่งเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่าได้เสด็จมายังดอยตุงและทรงมีพระราชดำรัสว่า "ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง" และได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้น โดยมีการปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ธรรมชาติ ให้ชาวเขาเข้ามาทำงานในโครงการปลูกป่าดอยตุง ให้ชาวเขาปลูกพืชผัก ปลูกกาแฟ และทำหัตกรรมต่างๆ สร้างรายได้ และก็ได้พัฒนามาจนกระทั่งให้พื้นที่ดอยตุงกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยว อีกทั้งการมาเที่ยวที่ดอยตุงก็เหมือนได้มารำลึกถึงสมเด็จย่า และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่เคารพยิ่งของปวงชนชาวไทย

หลัง "ผู้จัดการท่องเที่ยว" พาตัวเองที่สวมเสื้อกันหนาวแบบพออุ่นกายอุ่นใจมาถึงยังดอยตุง ที่มีเสาตุงขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ พร้อมกับมีไอหนาวมาปะทะร่างกาย เหมือนเป็นการเอ่ยคำทักทายต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเรา ทำเอาความรู้สึกสมใจอยากที่อยากจะสัมผัสความหนาวนี้มานานมันเบ่งบานอยู่ในหัวใจ เลยทำให้อดไม่ได้ที่จะขอยืนพริ้มยิ้มรับและสัมผัสลมหนาวสักนิด ก่อนที่จะเริ่มออกตะลอนทัวร์เที่ยวชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีบนดอยตุง ซึ่งมีอยู่ 3 ที่ คือ พระตำหนักดอยตุง หอพระราชประวัติ และสวนแม่ฟ้าหลวง

เราเลือกที่จะตีตั๋วเที่ยวชมให้ครบทั้ง 3 ที่เลย โดยเสียค่าบัตร 150 บาท และก็เริ่มเปิดฉากเที่ยวที่ "หอพระราชประวัติ" เป็นสถานที่แรก เพื่อที่จะเข้าไปหวนรำลึกถึงสมเด็จย่า ซึ่งภายในหอพระราชประวัติแห่งนี้เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์เทิดพระเกียรติสมเด็จย่า โดยภายในแบ่งการจัดแสดงเรื่องราวออกเป็นห้องต่างๆ ถึง 8 ห้อง ดังนี้คือ แผ่นดินแผ่นฟ้ามืด ฉันจะเดินทางด้วยเรือลำนี้ ภูมิธรรม หนึ่งศตวรรษ เวลาเป็นของมีค่า พระมารดาแห่งการแพทย์ชนบทและการสาธารณสุขไทย พระผู้อภิบาล และดอยตุงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งแต่ละห้องถูกจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวของสมเด็จย่าและพระราชกรณียกิจของพระองค์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้เราเพลิดเพลินและซาบซึ้งไปกับเรื่องราวของสมเด็จย่าอย่างเต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจว่าพระองค์ทรงเป็น "แม่ฟ้าหลวง" ที่ยิ่งใหญ่ของปวงชนชาวไทยจริงๆ

และหลังจากที่ชมประวัติของสมเด็จย่าแล้ว เราก็มุ่งหน้าตรงขึ้นไปยังบนเนินเขาสูงด้านบน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “พระตำหนักดอยตุง” ที่เป็นเสมือนบ้านหลักแรกของสมเด็จย่า ที่สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ร่วมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ที่ทรงให้ปลูกสร้างอย่างเรียบง่าย แต่งดงามและสมประโยชน์ใช้สอย เพื่อทรงใช้เป็นที่ประทับและที่ทรงงานบนดอยตุง

พระตำหนักหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่ามากมายนัก แต่กลับแฝงไว้ด้วยความงดงามที่หาชมได้ยาก ลักษณะเป็นเรือนไม้ 2 ชั้นสร้างบนไหล่เนินต่างระดับ มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างบ้านปีกไม้ศิลปะล้านนากับชาเลต์แบบสวิส ตัวพระตำหนักมีสองชั้น มีสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตา คือ กาแล และไม้แกะสลักเป็นเชิงชายลายเมฆไหลที่ดูแล้วช่างอ่อนช้อยงดงาม

การเข้าไปชมพระตำหนักจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะบางส่วนเท่านั้น ซึ่งเราต้องถอดรองเท้าและเดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าสู่พระตำหนักด้านในที่ชั้นบนจะแยกเป็น 4 ส่วน เสมือนบ้าน 4 หลังที่เชื่อมต่อกันเป็นอาคารหลังเดียว ภายในพระตำหนักมีห้องต่างๆ มากมาย มีห้องท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระราชนัดดา ห้องที่ประทับของสมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ห้องที่ประทับของสมเด็จย่า และมีห้องท้องพระโรงหรือห้องโถงกลาง ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จย่าประดิษฐานอยู่

ถึงตรงนี้เราได้สักการะโดยกราบก้มกราบด้วยใจ และเมื่อแหงนหน้าขึ้นไปบนเพดานท้องพระโรง ก็ต้องตกตะลึงกลับเพดานดาวอันงดงาม ที่แกะสลักขึ้นจากไม้สนภูเขา เป็นกลุ่มดาวต่างๆ ในจักรราศีประจำปีเกิด และกลุ่มดาวต่างๆ ในระบบสุริยะ ซึ่งเรื่องดาราศาสตร์เป็นสิ่งที่สมเด็จย่าทรงสนพระทัย โดยในส่วนห้องท้องพระโรงนี้ทางเจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า ในอนาคตจะมีการจัดเตรียมพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้ร่วมกับพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จย่า

จากนั้นเราก็เดินชมบริเวณท้องพระโรงโดยรอบ มีสิ่งสวยงามให้ดูไม่ว่าจะเป็นผนังห้องที่เป็นผ้าปักลวดลายสวยงามที่ชาวบ้านปักถวาย หรือจะเป็นส่วนบริเวณผนังเชิงบันไดที่แกะสลักเป็นพยัญชนะไทยอันหาชมได้ยาก

และเราก็เดินออกมาสู่ระเบียงยาวด้านนอก ที่ตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสีสันสวยงาม เป็นจุดชมวิวและจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมายืนถ่ายรูปคู่กับดอกไม้ ตัดกับภาพวิวอันสวยงามเป็นฉากหลังอันงดงาม จากนั้นก็เดินตามทางระเบียงมาเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นห้องต่างๆ ที่สมเด็จย่าเคยประทับอยู่ โดยการมองผ่านกระจก จะเห็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของพระองค์ถูกจัดเก็บรักษาแสดงไว้เหมือนเดิมเป็นอย่างดี

เราเพลิดเพลินกับการเดินชมพระตำหนักจนทั่วและได้เก็บภาพประทับใจไว้หลายภาพ ก่อนที่จะเดินลงไปชม "สวนแม่ฟ้าหลวง" สวนดอกไม้เมืองหนาวอันงดงามและกว้างใหญ่ โดยได้รับรางวัลพาต้า โกลด์อวอร์ด ปี 2536 จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเอเชีย-แปซิฟิค

ภายในสวนแม่ฟ้าหลวงที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 25 ไร่ ช่างงดงามชวนมองไปด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ และไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ที่ปลูกไว้อยู่ภายในสวน โดยจะออกดอกหมุนเวียนสลับสับเปลี่ยนไปทุกช่วงฤดูกาลตลอด 365 วัน เราเดินชมความสวยงามของดอกไม้สีสันสวยสดใส ที่พากันเบ่งบานออกดอกชูช่อให้ยลกันได้อย่างเพลิดเพลินตา และเพลินใจ เรียกว่ายกกล้องขึ้นมากดชัดเตอร์แบบมันมือกันไปเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นมุมไหนภายในสวน ช่างงดงามไปด้วยดอกไม้จำนวนมากมายที่ดูแล้วทำให้หัวใจมันสดชื่นเบ่งบานไปพร้อมๆ กับดอกไม้เหล่านี้

และภายในสวนแห่งนี้ยังมีจุดไฮไลต์ที่ตั้งอยู่ใจกลางสวน คือ ประติมากรรมที่มีชื่อว่า "ความต่อเนื่อง" โดยศิลปินหญิง มีเซียม ยิบอินซอย สร้างขึ้นเป็นรูปหล่อเด็กๆ ที่ต่อตัวกันขึ้นเป็นทรงพีระมิดมนุษย์ ที่สื่อความหมายออกมาว่า การทำงานจะสำเร็จได้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง

เราใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการดื่มด่ำกับบรรยากาศอันชื่นมื่นที่มีแต่ดงดอกไม้สวยๆ จนสำราญใจแล้ว ก็ทำการเดินทางออกจากสวนแม่ฟ้าหลวง เพื่อไปปิดทริปเที่ยวกันที่ "สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง" ที่ตั้งอยู่บนดอยช้างมูบ ห่างออกไปไกลจากดอยตุงตรงนี้มากนัก

สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 250 ไร่ ถือว่าเป็นสวนที่เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้พื้นเมืองและพันธุ์ไม้หายากจากแหล่งต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก โดยมีไม้ดอกที่สำคัญอันเป็นไฮไลต์ของสวนแห่งนี้ก็คือ ต้นกุหลาบพันปี หลากหลายสายพันธุ์ที่พบในภูเขาสูงของไทย พม่าและจีน

การเดินเที่ยวชมภายในสวนจะมีทางให้เดินลัดเลาะไปตามไหล่เขา เพื่อชมต้นกุหลาบพันปีที่เบ่งบานออกดอกชูช่อมีทั้งสีแดง สีส้ม สีชมพู และอีกหลากหลายสีสัน รวมถึงมีพันธุ์ไม้อื่นๆ ให้ชมอีกอย่างพญาเสือโคร่ง กล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ "ผู้จัดการท่องเที่ยว" เพลินใจกับการเดินชมความสวยงามของดอกกุหลาบพันปีสวยๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ เช่นนี้เป็นอย่างมาก

อีกทั้งภายในสวนยังมีอุโมงค์ที่สร้างขึ้นเพื่อเดินลอดผ่านไปชมดอกกุหลาบพันปีอีกฝั่งหนึ่งของสวน มีลานปิกนิก มีศาลาให้นั่งพักผ่อน มีธารพระทัย เป็นธารน้ำผุดที่รินไหลสู่เบื้องล่าง และมีลานกว้างเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าตัดกับแนวสันภูเขาสลับซับซ้อนที่เป็นเขตแดนของประเทศไทยและพม่า นับเป็นภาพที่งดงามไม่น้อยเลย

สำหรับดอยตุงแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งดินแดนแห่งนี้จะเคยเป็นเขาหัวโล้น แต่เมื่อแม่ฟ้าหลวงมาโปรด ด้วยปณิธาน “ปลูกป่า สร้างคน” ดอยตุงก็กลับกลายเป็นเขียวชอุ่ม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย

...นั่นก็เป็นเพราะดอยตุงได้ “ฟ้า” มาโปรดอย่างแท้จริง...

*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจมาเที่ยวดอยตุงสามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการพัฒนาดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย โทร. 0-5376-7015 ถึง 7

การเดินทาง               ที่พัก               
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในจ.เชียงราย 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น