โดย : หนุ่มลูกทุ่ง
หลังวันปีใหม่ที่บรรยากาศของความสุขและการเฉลิมฉลองยังอบอวลไปทั่ว คนส่วนมากก็เพิ่งจะเต็มอิ่มกับการได้พักผ่อนในวันหยุดปีใหม่ แต่แล้วคนทั้งประเทศก็ต้องโศกเศร้ากับข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จเจ้าพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ หลังจากที่พระองค์ทรงประชวรอยู่เป็นเวลานาน
เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้วหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ซึ่งก็มีหลายหน่วยงานด้วยกันที่จัดงานเพื่อถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขึ้น เช่นเดียวกับงาน “สถิต ณ ดวงใจ” ที่ทางกรุงเทพมหานครจัดขึ้นที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
งาน “สถิต ณ ดวงใจ” นี้นอกจากจะจัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้การถวายความอาลัยแด่พระองค์แล้ว ก็ยังเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยการจัดซุ้มนิทรรศการพระประวัติ พระราชกรณียกิจ ตลอดจนพระอัจฉริยภาพของพระองค์ให้ประชาชนได้ชมกัน
ภายในงานนิทรรศการนั้นแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ซุ้ม “กัลยาณิวัฒนา แห่งราชสกุลมหิดล” นำเสนอพระประวัติตั้งแต่พระประสูติกาลเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2466 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นพระธิดาพระองค์แรกใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี การศึกษาในวัยเยาว์ ที่ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้นที่อนุบาลปาร์คสกูล (Park School) ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะทรงเข้ารับการศึกษาระดับประถมที่โรงเรียนราชินี และกลับไปทรงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมัธยมสตรีประจำเมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะทรงศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมี มหาวิทยาลัยโลซาน
อีกทั้งยังทรงเป็นพระเชษฐภคินีของกษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งถึงสองพระองค์ อีกทั้งยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในหลากหลายด้าน และทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรชาวไทยทั้งปวงโดยมิทรงเหน็ดเหนื่อย
ซุ้มที่สอง “สายสัมพันธ์ บรมราชจักรีวงศ์” นำเสนอพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงมีสายใยผูกพันกันลึกซึ้ง โดยได้มีการนำข้อความที่ทั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงกล่าวถึงกันไว้ เมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจถึงความผูกพันที่พระองค์มีต่อกัน เช่น ในตอนหนึ่งจากพระนิพนธ์ “เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์” ความว่า “...เราสามคนเป็นกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็กๆ ภาระของแม่จึงหนักมาก ต้องเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ ซึ่งแม่ก็ทำหน้าที่นี้มาอย่างเข้มแข็ง...”
ซุ้มที่สาม “สมเด็จฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในดวงใจราษฎร์” นำเสนอพระกรณียกิจและโครงการส่วนพระองค์ต่างๆ ที่ทรงสืบสานพระปณิธานในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และทรงงานหนัก ทุ่มเทพระวรกายอย่างมิทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรทั้งปวง ทั้งในด้านการแพทย์และสาธารณสุข การศึกษา สังคมสงเคราะห์ และด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ทรงตระหนักถึงปัญหาในชุมชนแออัด จึงทรงเสด็จเยี่ยมชุมชนแออัดหลายแห่งในกรุงเทพมหานครเป็นการส่วนพระองค์ และยังทรงมีมูลนิธิในพระอุปถัมภ์ เช่น มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย และมูลนิธิรวมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ซึ่งเป็นมูลนิธิที่มุ่งหวังจะสร้างอนาคตให้เยาวชนไทยด้วยการให้การศึกษา และมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม เป็นต้น
และซุ้มสุดท้าย คือ “พระอัจฉริยภาพเลิศล้ำ” ซึ่งนำเสนอพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ ทั้งพระอัจฉริยภาพด้านภาษาศาสตร์ การอ่าน-การเขียน การถ่ายภาพ ทรงกีฬาหลากหลายประเภท ทรงมีพระปรีชาญาณในการสอนหนังสือ โดยทรงเป็นอาจารย์สอนนิสิตนักศึกษาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหลายแห่ง และทรงสนพระทัยในศิลปวัฒนธรรม โบราณคดี ประวัติศาสตร์ และมรดกโลก รวมถึงยังมีการจัดแสดงพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เช่น แม่เล่าให้ฟัง เจ้านายเล็กๆ-ยุวกษัตริย์ ไปรษณียบัตรเจ้าฟ้า เวลาเป็นของมีค่า เป็นต้น ซึ่งในนิทรรศการนี้ได้รวบรวมมาให้ชม 25 ชื่อเรื่อง โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ พระนิพนธ์เกี่ยวกับราชวงศ์ พระนิพนธ์แปล สารคดีท่องเที่ยว และบทความวิชาการ
ในวันเปิดงานที่ฉันได้ไปชมนิทรรศการนั้น ก็มีประชาชนจำนวนมากมาร่วมชมงานเช่นกัน บางคนยืนอ่านข้อมูลด้วยความสนใจ บางคนยืนอ่านไปซับน้ำตาไป บางคนก็ใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเก็บภาพต่างๆ ไว้ เพราะมีภาพเก่าๆ ตั้งแต่ภาพสมัยพระองค์ทรงพระเยาว์ รวมถึงภาพที่ถ่ายกับสมเด็จพระชนนี และพระเชษฐภคินีที่หาชมไม่ได้ง่ายๆ มาจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย
หากชมนิทรรศการเรียบร้อยแล้ว ก็ขอเชิญมาร่วมลงนามถวายความไว้อาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งในวันเปิดงานนั้นก็มีประชาชนจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ชายและผู้หญิงต่อแถวยาวเหยียดเพื่อลงนามไว้อาลัย และทางกรุงเทพมหานครก็ได้จัดพิมพ์หนังสือ “สถิต ณ ดวงใจ” ที่จัดทำขึ้นและมอบให้กับประชาชนที่มาลงนาม โดยได้เตรียมหนังสือไว้ถึง 100,000 เล่มด้วยกัน และหากใครที่ต้องการทำบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน ก็จะมีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป บริเวณลานคนเมืองด้วยเช่นกัน ใครที่อยากทำบุญก็ขอเชิญมาตักบาตรร่วมกันได้
งาน “สถิต ณ ดวงใจ” นี้จะจัดแสดงให้ชมยาวไปจนถึงวันที่ 11 เมษายน 2550 เลยทีเดียว หากใครมีเวลาว่างเมื่อไรก็สามารถมาชมกันได้ที่บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และหากชมนิทรรศการเสร็จแล้วจะเข้าไปสวดมนต์ไหว้พระหรือทำบุญเพื่อเป็นพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวัดสุทัศนเทพวรารามที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันก็สามารถทำได้เช่นกัน
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
งานน้อมรำลึก สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ “สถิต ณ ดวงใจ” จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม-11 เมษายน 2551 ณ บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร กรุงเทพฯ สอบถามโทร.0-2559-2364 ถึง 69
