xs
xsm
sm
md
lg

ไหว้ 9 พระธาตุ เมืองกรุงฯรับปีใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : หนุ่มลูกทุ่ง

ก่อนอื่นต้องขอกล่าว "สวัสดีปีใหม่" แก่ผู้อ่านทุกท่านเสียก่อน สำหรับปี 2551 นี้ก็ได้มีโหรมีหมอดูหลายๆ คนออกมาทำนายทายทักถึงสถานการณ์บ้านเมืองของประเทศไทยที่ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะดีนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ความวุ่นวาย ภัยธรรมชาติต่างๆ ฟังดูแล้วก็เหนื่อยใจยิ่งนัก แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ก็คือดำรงตนอยู่ในความดี ก็น่าจะผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง

และเพื่อเป็นการเปิดศักราชใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล ฉันจึงอยากจะพาทุกคนไปกราบ "พระบรมสารีริกธาตุ" เสริมมงคลให้ชีวิตสดใสกันถ้วนหน้าตลอดปีใหม่นี้

"พระบรมสารีริกธาตุ"-"พระบรมธาตุ"-"พระมหาธาตุ" หรือ "พระธาตุ" นี้ ก็เป็นสิ่งเรียกพระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ได้แก่ กระดูก ฟัน และเถ้าที่เหลือหลังจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระองค์ที่เมืองกุสินารา

สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่มีในกรุงเทพฯ นั้น ก็มีอยู่หลายสิบแห่งด้วยกัน แต่ในวันนี้ฉันขอยกมา 9 วัดในพื้นที่ใกล้เคียงกัน(อีกทั้งยังเป็นเลขมงคลตามคติความเชื่อของคนไทย) เผื่อจะเป็นเส้นทางไหว้พระธาตุในกรุงเทพฯ สำหรับคนที่สนใจอยากจะเสริมสิริมงคลในช่วงปีใหม่

เริ่มจาก "วัดพระศรีรัตนศาสนาดาราม" หรือ "วัดพระแก้ว" กันก่อนเป็นที่แรก สำหรับใครที่ได้มากราบสักการะพระแก้วมรกตอันเป็นพระพุทธรูปสำคัญของประเทศเพื่อสิริมงคลในปีใหม่นี้ ก็อย่าลืมแวะไปกราบ "พระศรีรัตนเจดีย์” ที่ตั้งอยู่บนฐานไพทีใกล้เคียงกับพระมณฑปและปราสาทพระเทพบิดรด้วย

พระศรีรัตนเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่รัชกาลที่ 4 ทรงได้มาจากลังกา รูปทรงของพระเจดีย์ก็เป็นทรงลังกา สร้างขึ้นตามแบบเจดีย์วัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ด้านนอกประดับด้วยกระเบื้องโมเสกทองจากอิตาลี ยามต้องแสงแดดสีทองจะสว่างสุกใสสวยงามมาก ส่วนภายในเป็นพระเจดีย์องค์เล็กซึ่งมีลักษณะเหมือนกับพระศรีรัตนเจดีย์องค์ใหญ่ที่ครอบไว้ทุกประการ และภายในเจดีย์องค์เล็กนั้นก็เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญๆ เท่านั้น

ไม่ห่างจากวัดพระแก้วเท่าไรนัก เราไปต่อกันที่ "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม" หรือ "วัดโพธิ์" วัดที่ได้ชื่อว่ามีเจดีย์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่นี่นอกจากจะมีพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปที่งดงามราวกับเทวดามาสร้างเป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีพระพุทธไสยาสน์ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ที่พระบาทมีลายจำหลักมุกเป็นรูปมงคล 108 ประการ และที่นี่ก็ยังมีพระบรมสารีริกธาตุให้กราบไหว้กันด้วย

บริเวณที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ก็คือ ในพระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียวที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 พระเจดีย์หมู่ห้าฐานเดียวนี้ประดิษฐานอยู่ตรงมุมพระวิหารคดทั้งสี่ด้าน หมู่เจดีย์ประกอบไปด้วยพระเจดีย์ใหญ่ตรงกลาง และล้อมรอบด้วยพระเจดีย์เล็กอีกสี่องค์อยู่บนฐานเดียวกัน เป็นสถาปัตยกรรมเจดีย์ย่อไม้สิบสองและเจดีย์แบบไม้สิบสองเพิ่มมุม ตัวเจดีย์ประดับด้วยกระเบื้องเครื่องถ้วยตัดประดิษฐ์เป็นลวดลายดอกไม้สวยงาม และที่สำคัญภายเจดีย์ก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ทุกองค์ด้วย

ย้อนกลับมาแถวท่าพระจันทร์ ที่ "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์" หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "วัดมหาธาตุ" ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่าวัดนี้ต้องมีพระบรมสารีริกธาตุแน่นอน และสำหรับผู้ที่ต้องการกราบไหว้พระธาตุ ก็ต้องไปที่ "พระมณฑป" ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของพระอุโบสถ ซึ่งภายในมณฑปนั้นเป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์ทองศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ นอกจากนั้นเจดีย์องค์นี้ยังถือเป็นศิลปะแบบรัชกาลที่ 1 และเป็นแบบฉบับของเจดีย์สมัยรัตนโกสินทร์ยุคแรกอีกด้วย

และหากกราบพระธาตุแล้ว ก็อย่าลืมเข้าไปสักการะพระบรมรูปของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท หรือวังหน้าในรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงสถาปนาวัด และยังเป็นแม่ทัพคนสำคัญของกองทัพไทยในสมัยเริ่มก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย

เดินทางกันต่อไปที่ "วัดบวรนิเวศวิหาร" วัดสำคัญที่นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆ อย่างพระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระสุวรรณเขตแล้ว ภายในวัดก็ยังมี "พระเจดีย์" สีทองสุกใสที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้วเสร็จในรัชกาลที่ 4 ภายในคูหากลางองค์เจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์กาไหล่ทอง ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย

อีกทั้งบนชั้นสองของพระเจดีย์ก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระไพรีพินาศ พระพุทธรูปศิลาปางประทานพร ซึ่งมีผู้นำมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระพุทธรูปองค์นี้ต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่พุทธศาสนิกชน

ข้ามไปยังถนนตะนาว ที่ "วัดมหรรณพาราม" ใกล้กับศาลเจ้าพ่อเสือ วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และมี "หลวงพ่อพระร่วง" พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่มีพุทธลักษณะที่งดงาม และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนเป็นจำนวนมาก ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระวิหาร

หลังจากที่ฉันเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อพระร่วงแล้ว ฉันก็ได้มาที่พระเจดีย์ทอง ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชศรัทธาสร้างขึ้นด้านหลังพระอุโบสถ และบนยอดเจดีย์นั้นก็บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย

จากนั้นเดินทางไปต่อที่ "วัดราชนัดดา" วัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี วัดราชนัดดานี้มีจุดเด่นอยู่ที่ "โลหะปราสาท" ซึ่งเป็นโลหะปราสาทองค์แรกองค์เดียวของไทย (องค์ที่สามของโลก) มองเห็นได้ชัดเจนงดงามจากถนนราชดำเนิน ซึ่งบนชั้นบนสุดของโลหะปราสาทก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย สามารถเดินขึ้นไปสักการะกันได้

หลังจากขึ้นไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุบนโลหะปราสาทมาแล้ว ก็มาออกแรงปีนกันอีกครั้งที่ "ภูเขาทอง" แห่ง "วัดสระเกศ" เพราะมีพระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์ด้านบน เชื่อว่าน่าจะเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ อีกด้วย

สำหรับพระบรมสารีริกธาตุของวัดสระเกศนี้ ได้มาจากรัฐบาลอินเดีย ซึ่งขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงนำมาบรรจุไว้ที่เจดีย์ภูเขาทองนี้ และจัดให้มีงานสมโภช 7 วัน 7 คืน จนกลายเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังเป็นที่มาของงานวัดที่เก่าแก่ที่สุดอย่างงานวัดภูเขาทอง

มาต่อกันที่ "วัดโสมนัสวิหาร" วัดที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและอุทิศพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระบรมราชเทวี วัดแห่งนี้มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารที่เขียนเป็นเรื่องอิเหนา แตกต่างจากวัดอื่นที่มักเขียนเป็นเรื่องพุทธชาดก ส่วนภายในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังทั้งภาพชุดปริศนาธรรม ภาพพุทธประวัติ ภาพธุดงควัตร ภาพพระยืนเพ่งซากศพ นอกจากนี้ที่บานประตูและหน้าต่างนั้นยังเป็นภาพเขียนของเนื้อและผลไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามและทรงอนุญาตให้พระภิกษุสามเณรฉันอีกด้วย

ในส่วนของพระบรมสารีริกธาตุของวัดโสมนัสนั้นก็อยู่ด้านหลังพระวิหาร โดยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทอดกฐินที่วัดโสมนัสวิหาร และทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ทรงได้รับมาจากอินเดียไว้ที่เจดีย์องค์ใหญ่นี้ และต่อมาใน พ.ศ.2507 ทางวัดโสมนัสวิหารก็ได้อัญเชิญพระบรมธาตุอื่นอีกขึ้นไปบรรจุไว้ในที่เดียวกัน

มาถึงวัดสุดท้าย เอ่ยไปทุกคนก็ต้องร้องอ๋อ!! เพราะฉันกำลังจะไปที่ "วัดประยุรวงศาวาส" วัดในฝั่งธนฯ ที่เพิ่งจะมีข่าวว่ากรุวัดประยูรฯ แตกไปเมื่อไม่นานมานี้ และการที่กรุแตกนั้นก็ทำให้ได้พบพระบรมสารีริกธาตุถึงสององค์ด้วยกันที่บรรจุอยู่ใน "พระบรมธาตุมหาเจดีย์" และพบพระพุทธรูปเก่าแก่อีกมากมาย

ที่ว่ากรุแตกนั้นก็เนื่องมาจากว่าเจดีย์องค์นี้ทรุดโทรมลงมาก อีกทั้งยังเอนเอียงไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางวัดจึงได้ดำเนินการซ่อมแซมเจดีย์ อีกทั้งยังสำรวจหาสถานที่ที่จะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากประเทศศรีลังกาเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และในระหว่างซ่อมแซมนั้นจึงได้พบพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ในเจดีย์อยู่ก่อนแล้วสองกรุด้วยกัน

ในตอนนี้ที่วัดประยูรฯ จึงมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ทั้งหมด 3 องค์ด้วยกัน ซึ่งหากใครอยากจะไปกราบสักการะก็เชิญได้ที่พระวิหารของวัดประยูรฯ เพราะทางวัดได้นำพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปที่พบในกรุมาประดิษฐานไว้ให้กราบไหว้กัน อีกทั้งภายในพระวิหารก็ยังมี "พระพุทธนาค" พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ที่เชื่อว่าเป็นพระโบราณคู่กับพระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารวัดสุทัศน์ฯ อีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น