xs
xsm
sm
md
lg

บางมุมที่มองเห็น.....จากพนมเปญถึงเสียมเรียบ : สวย เศร้า หวานแอบเปรี้ยว ที่พนมเปญ....

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : ภูวดล ศรีธเรศ

ยังไม่ทันที่ล้อของเจ้านกเหล็กจะสัมผัสกับแผ่นดินกัมพูชประเทศ ณ สนามบินโปเชนตง ผมก็สามารถสัมผัสได้กับความร้อนแล้งของแผ่นดินนี้ได้แล้ว เป็นเพราะสายตาที่ผมทอดลงมาหากกะเกณฑ์อย่างคร่าวๆ เรียกได้ว่ากว่าแปดสิบเปอร์เซนต์เชียวล่ะ ที่เห็นเป็นผืนดินสีน้ำตาลแห้งๆ สลับกับสีเหลืองหม่นๆ และสีเทาเศร้าๆ ซึ่งอาจจะเป็นด้วยว่าผมมาเยือนเมืองแห่งนี้ในช่วงที่พระพิรุณท่านกำลังหลับพักผ่อนอยู่กระมัง มันช่างต่างจากห้วงยามเมื่อชั่วโมงกว่าๆ ที่ผมจากมาเสียนี่กระไร…

ว่ากันตามจริงแล้ว ผมพัดผ่านตัวเองมาเยี่ยมเยือนแผ่นดินแห่งอารยธรรมผืนนี้ก็ไม่น้อยครั้งนะ แต่ทุกๆ ครั้งที่มาปลายทางก็คือเมืองเสียมเรียบ เมืองอันเป็นที่ตั้งของมหานคราโบราณที่เรืองโรจน์ นับตั้งแต่ในฐานะนักศึกษาที่อยากจะเรียนรู้โลก เรื่อยมากระทั่งมาในมุมมองของคนทำงานข่าว หรือแม้แต่การมาท่องเที่ยวตามประสา ซึ่งทุกๆ ครั้งที่ผมพัดผ่านตัวเองมาเสน่ห์และคุณค่าที่มาเติมเต็มมันไม่ซ้ำรอยเดิมกันเลย ยิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมาเยือน "พนมเปญ" เมืองหลวงแห่งกัมพูชา ผมจึงมีหลากหลายเรื่องราวที่อยากจะบอกเล่าในมุมมองของคนตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่แอบหลงเสน่ห์เมืองนี้เข้าแล้วล่ะ...

เมื่อเริ่มได้กลิ่นส่วนที่เป็นย่านเก่าของเมือง ผมถึงกับต้องตะลึงกับความงามของตึกเก่าๆ ในสมัยอาณานิคมที่ยังมีลมหายใจซึ่งก็มีอยู่อย่างมากมาย และผมในใจของผมก็แอบชื่นชมคนที่ดูแลเรื่องนี้อยู่เงียบๆ ยังไม่ทันที่ความรู้สึกจะจางหายคนที่ร่วมเดินทางมากับผมก็แอบกระซิบมาว่า "ถึงมีลมหายใจแต่ก็รวยรินเต็มทน" เพราะได้ข่าวมาว่าเจ้าของตึกส่วนใหญ่ที่เป็นเอกชนกำลังมีแนวโน้มที่จะทุบทำลายเพื่อนำพื้นที่ไปก่อสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ตามกระแสทุนนิยมที่กำลังถาโถม ผมถึงกับอึ้งไปเลยพักใหญ่ๆ แต่ก็เอาเถอะมันยังไม่ได้ทุบทิ้งตอนนี้ นี่แหละหนาที่ว่ากันว่าทุกๆ อย่างมันมีครรลองของตัวมันเอง เอาน่า...อย่างน้อยผมก็มีโอกาสได้มาเห็นและซึมซับกับความงามแล้วล่ะ...

พอมาถึงพนมเปญจริงๆ สิ่งแรกที่ผมได้สัมผัสนั่นก็คือการไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เล่ากันมาว่าถ้าใครอยากที่จะรู้จะเห็นว่าเมืองเขมรมีที่มาที่ไปอย่างไรตั้งแต่สมัยอดีตมาจนวันนี้ ที่นี่มีคำตอบรอพร้อมอยู่แล้ว ที่สำคัญถ้าอยากชมความอลังการของมหาปราสาทศิลาแบบได้คุณค่าและอรรถรสควรมาโหมโรงและเรียกน้ำย่อยที่นี่ก่อนครับ การจัดแสดงข้าวของของที่นี่เริ่มตามสมัยศิลปะของเขมร ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีเทวรูปสำริดและศิลา รวมถึงส่วนของหน้าบันและทับหลังของปราสาทศิลาซึ่งตัวแทนของศิลปะยุคต่างๆ ...

ความงามที่ซุกซ่อนซึ่งต้องมองผ่านความทรุดโทรมของตัวอาคารที่นี่อีกอย่าง นั่นก็คือ รูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่มีความเป็นเขมรอย่างเด่นชัด กล่าวคือ เป็นอาคารเครื่องยอดคล้ายๆ ศิลปะแบบบ้านเรา คือเป็นปราสาทจตุรมุขยอดบนเป็นทรงจอมแห แบ่งเป็น 3 ยอด (คล้ายๆ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังของบ้านเรา หากแต่ย่อมกว่าทั้งรูปแบบและความสวยอลังการ) แต่โดดเด่นสุดๆ ด้วยการทาสีแดงทั้งหลัง....

สถานที่อีกแห่งที่ผมพัดผ่านตัวเองไปสัมผัสอีกอย่างของพนมเปญ ก็คือวัดพนม เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางของเมือง หลายๆ คนที่มีโอกาสมาเยี่ยมเยือนเมืองเขมรมักจะเปรียบเปรยเมืองแห่งอารยธรรมแห่งนี้ว่า "ประหนึ่งคนที่ป่วยเป็นมะเร็งร้ายแล้วกลับหาย ซึ่งก็กำลังพักฟื้นเพื่อให้หมดสิ้นอาการจ่อมจมเพราะพิษโรค"

ผมว่าเป็นคำพูดที่ทำหน้าที่แสดงภาพพจน์ของเมืองงามแห่งนี้ได้ชัดเจนทีเดียว โดยเฉพาะสองฟากฝั่งทางขึ้นสู่วัดพนมเต็มไปด้วยคนพิการแขนขา คนชราหญิงชายที่ดูผ่ายผอมจนน่าอเนจอนาถใจ หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ที่น่าจะเป็นอนาคตของบ้านเมืองแต่กลับมานั่งขอทาน ดีขึ้นมาหน่อยก็มาเร่ขายฝักบัวและลูกไม้พื้นเมืองซึ่งผมก็สุดปัญญาจะเดาได้ว่าเป็นลูกของต้นอะไรเพราะไม่คุ้นเคย ย้อนมาที่คนพิการแขนขาทั้งหญิงชาย เหล่านี้น่าจะเป็นรอยแผลเป็นที่คอยสะกิดเตือนใจใครก็ตามที่มีโอกาสมาเยือนอารามบนเขาแห่งนี้ ให้ตระนักรู้และสำนึกว่าความขัดแย้งทางการเมืองมักนำมาซึ่งความรุนแรง คนที่ได้รับผลกรรมอย่างไม่มีข้อโต้แย้งก็คือผู้คนพลเมืองรากหญ้าตาดำๆ นั่นเอง บางมุมเศร้าของพนมเปญ....

เล่ากันมาว่า ถ้าหากอยากสัมผัสลีลาชีวิตของผู้คนในบ้านเมืองที่เราไปเยือน ตลาดเป็นสถานที่ที่ห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด เหตุผลนี้นี่เอง "ตลาดผสาร์ธมเมย" หรือ ตลาดใหญ่ของเมืองพนมเปญ จึงไม่ตกหล่นในโปรแกรมครั้งนี้ของผม ก่อนผมจะประคองชีวิต ขอย้ำอีกครั้งว่าประคองชีวิตของตัวเองไปถึงตลาด ผมแทบเอาชีวิตไม่รอด หาใช่อะไรอื่นไกลเป็นเพราะผมเองนี่แหละครับที่อยากเปรี้ยว ทั้งๆ ที่รถยนต์ที่เราจ้างมาบอกว่าจะไปส่งและรอรับ แต่ผมก็ปฏิเสธเพราะว่าอยากลองนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปเอง

ซึ่งเรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ที่โน่นเขาจะขับรถชิดขวาซึ่งต่างจากบ้านเรา แต่แค่นั้นมันยังไม่พอ !!! พ่อคุณคนขับของผมขับรถฉวัดเฉวียนหวาดเสียวเปรี้ยวซ่ามากๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้างในซอยบ้านเราที่ว่าแน่เทียบไม่ติดฝุ่นหรอกครับ พ่อคุณทูนหัวพอจะเลี้ยวก็เลี้ยวทันที จะเบรกก็เบรกทันทีครับ สัญญาญไฟเลี้ยวไฟเบรกหาจำเป็นไม่สำหรับเขา อีกอย่างที่ผมสังเกตเห็นสำหรับคนขับของผมก็คือการบีบแตร บีบเมื่อไหร่คือสัญญาณว่าไปได้ตลอด การบีบแตรคือสัญญาญว่าถนนโล่ง แซงได้ ปาดได้ เลี้ยวได้ ฯลฯ ที่สำคัญปฏิบัติการได้ทันที่โดยไม่ต้องคิดถ้าเกิดบีบแตรแล้ว แต่ถนนจะโล่งหรือไม่นั้นอันนี้ต้องวัดดวงครับท่าน

อีกอย่างของการจราจรที่นี่ต้องบอกว่าเป็นสไตล์มือไวใจเร็ว จะปาดก็ปื๊ดป๊าดหน้าหลังทันที อยากยูเทิร์นเหรอเริ่ดไปโลดครับไม่สนใจใคร พอถึงสามแยกสี่แยกก็แย่งกันขับเบียดกันไป จะชนจะเบียดจะเสียดจะสีไม่มีใครสนใจขอให้ฉันได้ไปเป็นพอ ผมนั่งไปก็ลุ้นไป อ้อ !!! อีกอย่างที่ผมอยากจะบอกเล่าก็คือพอถึงจุดหมายปลายทางผมไถ่ถามเขาว่าขับรถแบบนี้ไม่คิดว่ามันอันตรายมากหรือ แต่คำตอบที่ผมได้รับทำเอาลมแทบใส่ เขาบอกด้วยสีหน้าท่าทางแบบเฉยสุดๆ มาว่า "ถ้าชนจะมีเสียงดังให้ได้ยินเอง"

ดูพูดเข้าครับ !!! แต่ที่น่าแปลกใจก็คือเท่าที่สังเกตเห็นทุกๆ คนก็ใช้รถใช้ถนนสไตล์นี้ตลอด แต่ที่สำคัญ 1 คืน กับอีก 2 วันในพนมเปญของผมไม่พบอุบัติเหตุให้เห็นเลยล่ะ อาจจะเป็นสไตล์ที่คุ้นเคยของคนที่นี่จริงๆ "Verb to เลย" ทุกอย่างทำเลยเป็นคำตอบสุดท้ายสำหรับการจราจรของเมืองแห่งนี้ สุดท้ายกับสีสันบนท้องถนนเรื่องหมวกกันน็อกไม่ต้องพูดถึงนะ เพราะเป็นเทรนด์ที่เอาต์ไปนานแล้วสำหรับที่นี่ และก็ไม่คิดว่าจะกลับมาอินอีกครั้งด้วยล่ะ...

เล่ามาซะยืดยาวกับการจราจรถึงตลาดซะทีครับท่าน ตลาดที่ผมแวะเวียนไปเยี่ยมชมนั้นไปอยู่ 2 แห่ง ก็คือ ตลาดใหญ่ "ผสาร์ธมเมย" และตลาด "รัสเซียมาร์เก็ต" ตลาดทั้งสองแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยข้าวของสารพัดสารพันตามสไตล์ของตลาดสด สีหน้าค่าตาก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากบ้านเราสักเท่าไร แต่สนนราคาของข้าวของค่อนข้างแพงสักหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นด้วยว่าว่าเขาเห็นผมเป็นนักท่องเที่ยวกระมังสิ่งของทุกอย่างจึงคิดเป็นดอลลาร์และเงินบาท...

สวย เศร้า หวานแอบเปรี้ยว ครบทุกรสกับเมืองพนมเปญ.....(อ่านต่อตอนหน้า)
ชีวิตที่เลือกเกิดไม่ได้ของขอทานบริเวณวัดพนม
*    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    *    * 

กรุงพนมเปญเป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา จากเมืองไทยมีสายการบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ส บินตรงจากกรุงเทพฯสู่พนมเปญ นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางด้วยรถจากด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว–ปอยเปตและด่านหาดเล็ก จ.ตราด-เกาะกง ซึ่งบริเวณด่านฝั่งกัมพูชา จะมีรถบัสและแท็กซี่บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมายังกรุงพนมเปญ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมใช้เส้นทางทางอรัญฯมากกว่า เนื่องจากสามารถแวะเยี่ยมชมนครวัด-นครธมได้
กำลังโหลดความคิดเห็น