10x Research เปิดบทวิเคราะห์ หลังบิทคอยน์ดิ่งแตะระดับต่ำสุดรอบ 24 ชั่วโมง ก่อนดีดกลับเล็กน้อย ท่ามกลางแรงขายจาก ETF กระหน่ำหลายวัน เหล่ากองทุนไหลออกแตะพันล้านดอลลาร์ บีบตลาดเข้าสู่โหมด “รีเซ็ตเชิงโครงสร้าง”
บิทคอยน์รูดลงแตะจุดต่ำสุดรายวันบริเวณ 94,755 ดอลลาร์ ก่อนประคองตัวเหนือ 96,000 ดอลลาร์ ในช่วงถัดมา การดีดตัวสั้น ๆ นี้สะท้อนจุดพยุงสำคัญทางจิตวิทยากลับเข้ามาอยู่ในการประลองอีกครั้ง ท่ามกลางคำถามหลักว่าแรงขายที่กระหน่ำลงมาในตลาดช่วงนี้ ถูกขับเคลื่อนโดยเลเวอเรจ การไหลออกของเงินทุน หรือสัญญาณเศรษฐกิจมหภาคเชิงลบกันแน่
แรงกดดันรอบนี้เกิดหลังจากราคาปิดอ่อนแรงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ นับจากจุดสูงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่เหนือ 110,000 ดอลลาร์ ทำให้โมเมนตัมที่เคยพุ่งแรงเริ่มเปลี่ยนโหมดเข้าสู่ระยะ “ซ่อมแซมโครงสร้างราคา” อย่างชัดเจน
ดัชนีความเชื่อมั่นตลาดลดฮวบลงสู่โซนหวาดกลัว โดยวัดได้เพียงระดับ 20 กว่า ๆ ในสัปดาห์นี้ สะท้อนการลดความเสี่ยงเชิงระบบ มากกว่าการตอบโต้ต่อเหตุการณ์รายชิ้นใดชิ้นหนึ่ง กระแสนี้สอดรับกับรายงานล่าสุดของ 10x Research ผู้ซึ่งได้ออก “Bear Market Watch” ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม คาดการณ์ว่าบิทคอยน์จะลงทดสอบช่วง 100,000 ดอลลาร์ พร้อมชี้ว่าแรงสนับสนุนจากข้อมูลออนเชนและอนุพันธ์เริ่มถดถอย โดยภาพรวมราคาที่เห็นในรอบล่าสุด แทบจะเดินตามสมมติฐานของ 10x อย่างเป็นขั้นตอน
อะไรเป็นตัวการฉุดบิทคอยน์รอบนี้
ปัจจัยมหภาคเริ่มขยับไปทาง “เข้มงวดมากขึ้น” ทั้งสัญญาณดอกเบี้ยและสภาพคล่องโลก ขณะเดียวกันข้อมูลกองทุนยังชี้ชัดว่าแรงกดดันส่วนใหญ่พุ่งใส่ผลิตภัณฑ์ที่ผูกกับบิทคอยน์โดยตรง
เฉพาะสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พฤศจิกายน กองทุนบิทคอยน์มีเงินไหลออกสุทธิรวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ แม้มีเงินไหลเข้าในเหรียญอื่นมาชดเชยบางส่วน แต่แรงขายหนักที่สุดยังคงเทมาลงบนตลาดสปอตของ BTC อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นผ่านราคาเหรียญหลักหลายตัวที่อ่อนแรง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Ethereum ซึ่งถูกกดดันต่ำกว่าแต่ไม่ถึงขั้นนำตลาดลงเหมือนบิทคอยน์
ชุมชนเทรดเดอร์เองต่างจับตาสัญญาณเหล่านี้ ตั้งแต่การไถ่ถอน ETF ปริมาณมาก การหดตัวของ basis ไปจนถึงสภาพคล่องในสมุดคำสั่งซื้อ (order books) ช่วงตลาดสหรัฐฯ ที่บางผิดปกติ ดัชนีความกลัวยิ่งลดลงยิ่งตอกย้ำการเปลี่ยนโหมดจาก “ซื้อจังหวะย่อ” เป็น “ป้องกันความเสี่ยง” เต็มรูปแบบ
ทั้งหมดนี้มิใช่การตอบสนองต่อเหตุการณ์เฉพาะ แต่เป็นภาพรวมการรีเซ็ตเชิงระบบที่ต้องรอดูว่ากระแสเงินจะทรงตัวก่อนสัปดาห์ถัดไปหรือไม่
ชี้สัญญาณที่ต้องจับตา "สภาพคล่อง , Basis , ความลึกตลาด
ทุกครั้งที่ตลาดเข้าสู่โหมด “ซ่อมราคา” ขั้นแรกที่ต้องฟื้นคือความลึกของคู่เทรด BTC และ ETH หากสมุดคำสั่งกลับมาหนาขึ้น สเปรดแคบลง และผู้ดูแลสภาพคล่อง (market makers) เริ่มรับความเสี่ยงค้างคืนได้มากขึ้น นั่นคือสัญญาณบวกอันดับแรกของรอบฟื้นตัว
ระยะกลางต้องดูภาวะ Funding และ Basis หากทั้งสองปรับเข้าสู่โซนสงบและโน้มกลับสู่ค่ากลาง (neutral) การรีบาวด์รอบใหม่มักไปได้ไกลกว่าการดีดระยะสั้นที่จบในช่วงปิดตลาด สำหรับสายข้อมูลมืออาชีพ แดชบอร์ดของ Kaiko และแพลตฟอร์มเทรดหลักทำหน้าที่ถอดรหัสโครงสร้างตลาดช่วงข้อมูลสหรัฐฯ ออกมาได้อย่างทันท่วงที
อีกหนึ่งตัวกรองสำคัญคือทิศทางของอุปทาน Stablecoin หากปริมาณออกสุทธิเริ่มปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวัน มักเป็นสัญญาณของความต้องการสภาพคล่องเชิงบวกและรองรับราคา แต่หากนิ่งหรือหดตัว แม้ราคาดีดก็อาจเป็นเพียงแรงซื้อปิดสถานะมากกว่าความต้องการจริง โดยเฉพาะเมื่อ ETF ยังคงไหลออก
การจับจังหวะจากข้อมูลเหล่านี้ควบคู่ สามารถแยกได้ว่าตลาดกำลังฟื้นจริงหรือเพียง “รีบาวด์หลอกตา” ในภาวะเงินทุนไม่มั่นคง
"10x Research" ประวัติวิเคราะห์สถานการณ์แม่นยำ
10x Research สร้างชื่อจากการผสานข้อมูลออนเชน อนุพันธ์ และปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคเข้าด้วยกัน พร้อมสถิติการทำนายทิศทางปลายปีของตลาดในปี 2565, 2566 และ 2567 ได้อย่างแม่นยำ
ในรายงานล่าสุด ทีมวิจัยชี้ว่า ประเด็นที่ต้องลุ้นคือ funding ที่เริ่มเย็นลง ความลึกตลาดที่ต้องสร้างใหม่ และแรงกดจาก realized loss บนเชนที่ต้องลดลงก่อนจะเห็นการปิดตลาดที่แข็งแรง ไม่ใช่แค่ราคาเปิดที่พุ่งแรงเพียงช่วงเช้า
ทางฝั่ง Ethereum ต้องปิดตลาดให้เสถียรมากขึ้นเพื่อดึง basis กลับสู่สมดุล ส่วนเหรียญทุนใหญ่ (large caps) อย่าง Solana และ XRP มักเริ่มฟื้นตามหลัง BTC เท่านั้น จึงยังต้องจับตาคู่คำสั่งซื้อของ BTC เป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับทิศทางกระแสเงิน ETF และดัชนีความกลัวที่ไหลลงต่อเนื่องหลายวัน
อย่างไรก็ตามหากทั้งสามชุดข้อมูลบ่งชี้สภาพคล่องลึกขึ้น กองทุนหยุดไหลออก และ sentiment เริ่มส่งสัญญาณดี และกลับมาเดินหน้าไปพร้อมกัน การรีเซ็ตครั้งนี้มีโอกาสเปลี่ยนเป็นรอบฟื้นตัวอย่างมีพลัง แต่หากข้อมูลแยกเป็นหลายทิศ ตลาดจะยังติดกับดักความผันผวนต่อเนื่อง



