ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ โชว์งบไตรมาส 3 รับรู้กำไรปกติ (Normalized Net Profit) 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% YoY รับอานิสงส์รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (Capacity Charge) จากกลุ่มลูกค้า Data center พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.060 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 27 พฤศจิกายน และกำหนดการจ่ายเงินปันผล 11 ธันวาคม 2568 ตามลำดับ ล่าสุดประกาศเดินเกมรุกขยายการลงทุนในธุรกิจน้ำและไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ เพื่อปูทางรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2568 โดยบริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติจำนวน 1,288 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82% YoY และมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 502% YoY ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,186 ล้านบาท มีกำไรปกติ (Normalized Net Profit) 960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% YoY และมีกำไรสุทธิซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน 852 ล้านบาท ลดลง 4% YoY โดยรายได้จากธุรกิจน้ำและไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจน้ำที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (Capacity Charge) จากกลุ่มลูกค้า Data Center
ทั้งนี้ จากแผนการเดินหน้าขยายการลงทุนด้านระบบสาธารณูปโภค เพื่อรองรับดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องภายในอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center ซึ่งมีปริมาณความต้องการใช้น้ำในระดับที่สูง ส่งผลให้ ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) ในไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 830 ล้านบาท เติบโต 29% YoY โดยมีปัจจัยหลักจากการรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ (Capacity Charge) จำนวน 272 ล้านบาท จากกลุ่มลูกค้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Data Center ที่ได้เซ็นสัญญาไปในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวมจากธุรกิจน้ำทั้งสิ้น 2,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำอย่างต่อเนื่องในปีหน้า และรับรู้รายได้จากการจำหน่ายน้ำเพิ่มเติมเมื่อลูกค้ากลุ่ม Data Center เหล่านี้เปิดดำเนินงานในอนาคต
ด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า จำนวน 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ที่เพิ่มขึ้น จากการที่ต้นทุนราคาถ่านหินเฉลี่ยที่เคยอยู่ในระดับที่สูงในช่วงก่อนหน้าเริ่มทยอยปรับลดลง ส่งผลให้ Energy margin ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้า จำนวน 597 ล้านบาท ลดลง 13% YoY สาเหตุหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า SPP ที่ลดลงจากการบันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษจากการชำระเงินส่วนต่างจากการตรึงราคาค่าก๊าซธรรมชาติในอดีต ทำให้มีต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 รวมถึงในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีการรับรู้รายได้ชดเชยจากการประกันภัย
ในส่วนของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ งวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ รับรู้รายได้จากสัญญา Private PPA ทั้งสิ้น 352 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% YoY จากการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาโครงการ Solar Private PPA สะสมทั้งสิ้น 322 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ราว 998 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการแล้วจำนวน 709 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา จำนวน 289 เมกะวัตต์
นายอัครินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อยอดการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งภายในและภายนอกนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ เช่น กลุ่ม Data Center ขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้น้ำและพลังงานไฟฟ้าสะอาดเป็นจำนวนมากในอนาคต โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับลูกค้ากลุ่ม Data Center หลายราย เพื่อจัดหาพลังงานไฟฟ้าสะอาด ทั้งนี้รวมถึงรูปแบบ Direct PPA ผ่านสายส่งของการไฟฟ้า (TPA) ที่ภาครัฐให้การส่งเสริมด้วย นอกจากนี้ยังได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) เพื่อศึกษาโครงการพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าที่มีความมั่นคง และรูปแบบการจำหน่ายไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจ Data Center
และในวันเดียวกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวด 9 เดือนปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.060 บาท สะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 11 ธันวาคม 2567 ตามลำดับ
พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งได้ประกาศคงอันดับเครดิตขององค์กรและหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนความแข็งแกร่งของภาพรวมธุรกิจ จากการเป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแต่เพียงผู้เดียวในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของกลุ่มบริษัทดับบลิวเอชเอ ทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม รวมทั้งการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงยังสะท้อนสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีฐานรายได้และส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องที่เพียงพอ


