ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำลังตามแกะลอย พฤติกรรมอันเข้าข่ายต้องสงสัยในความไม่โปร่งใสของ บริษัท โคแมนซี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ COMAN เกี่ยวกับการโยกเงินลงทุนในบริษัทร่วมและปล่อยเงินกู้ จนเกิดความเสียหาย กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท
COMAN ส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ฉบับแก้ไข หลังนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 2 มา 17 วันก่อนหน้า โดยความแตกต่างที่มีนัยสำคัญคือ ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเพิ่มเติมกรณี บริษัท โรยัลล์ 21 จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมที่ COMAN ถือหุ้นสัดส่วน 39.5 ของทุนจดทะเบียน
บริษัท โรยัลล์ได้สิทธิสัมปทานซื้อไพ่จาก กรมสรรพสามิต แต่ถูกบอกเลิกสัญญาและริบเงินประกัน ทําให้ COMAN บันทึกด้อยค่า เงินลงทุนและเงินให้กู้ยืมแก่ บริษัท โรยัลล์ 21 รวม 99.9 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดําเนินงานไตรมาสที่ 2 จากเดิมมีกําไรสุทธิ 3.1 ล้านบาท เป็นขาดทุนสุทธิ 96.5 ล้านบาท รวมทั้งกรมสรรพสามิตยังเรียกให้ บริษัท โรยัลล์ 21 ชําระค่าเสียหายเพิ่มเติม 441 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท โรยัลล์ 21 ชนะการประมูลสิทธิสัมปทานซื้อไพ่จาก กรมสรรพสามิต โดยเสนอเงินค่าผลประโยชน์ 10 ปี รวม 3,191 ล้านบาท สัมปทานเริมต้นเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งคณะกรรมการบริหาร COMAN อนุมัติลงทุนหุ้นโรยัลล์ฯนวน 39.5 ล้านบาท ถือหุ้นสัดส่วน 39.5% ของทุนจดทะเบียนและทําสัญญาให้กู้ยืมเงินตามสัดส่วนการถือหุ้น อีก 60 ล้านบาท เป็นเงิน 99.5 ล้านบาท
คณะกรรมการบริษัทรับทราบการลงทุนเมื่อ 31 มีนาคม 2568 และเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 บริษัท โรยัลล์ฯ แต่งตั้ง บริษัท มงคลรีเทล บริษัทย่อยที่ COMAN ถือหุ้น 100% เป็นตัวแทนจําหน่ายไพ่ ซึ่งบริษัท มงคลรีเทลได้จ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อซื้อไพ่ 51.1 ล้านบาท
แต่วันที่วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 กรมสรรพสามิตมีหนังสือบอกเลิกสัญญา เนื่องจากบริษัท โรยัลล์ฯ ไม่ชําระเงินงวดเดือน มี.ค. -เม.ย. 2568 รวม 51.1ล้านบาท และเรียกชําระค่าเสียหายเพิ่มอีก 441 ล้านบาทภายใน 30 วัน
รายการลงทุนในบริษัท โรยัลล์ ฯ มีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดําเนินงานของ COMAN อย่างมีนัยสําคัญ เพราะทำธุรกรรมโดยรวมกับ บริษัท โรยัลล์ฯ 151 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของมูลค่าสินทรัพย์รวมบริษัท ยังไม่รวมค่าความเสียหายที่กรมสรรพสามิตให้บริษัท โรยัลล์ 21 ชําระเพิ่มเติมอีก 441 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์ ฯ จึงขอให้ COMAN ชี้แจงข้อมูลการแก้ไขงบการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมีนัยสําคัญจากฉบับแรก ความเห็นของคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัทต่อกรณีที่มีการแก้ไขงบการเงินไตรมาสที่ 2
กระบวนการจัดทําและอนุมัติงบการเงินทังสองฉบับของฝ่ายจัดการผู้สอบบัญชี คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัท ลําดับเวลาของการรับทราบข้อมูลที่ทําให้ต้องแก้ไขงบการเงิน โดยให้ชี้แจงภายในวันที่ 4 กันยายนนี้ และขอให้นักลงทุนติดตามข้อมูลคำชี้แจงของบริษัทฯ
นอกจากธุรกรรมที่เข้าข่ายต้องสงสัยในความไม่โปร่งใสแล้ว อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ COMAN มีนายอมฤทธิ์ กล่อมเจริญจิต อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ซึ่งมีคดีถูกกล่าวโทษในหลายความผิดร้ายแรงทั้งปั่นหุ้น อั้งยี่ ฉ้อโกง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง ในสัดส่วน 13.97% ของทุนจดทะเบียน
หุ้น COMAN อยู่ในข่ายหุ้นร้อนตัวหนึ่ง โดยในรอบ 12 เดือน ราคาเคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 2.76 บาท และถูกทุบลงมาต่ำสุดที่ 41 สตางค์ ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคมปิดที่ 54 สตางค์ ส่วนผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่อง โดย 6 เดือนแรกปีนี้ขาดทุนสุทธิ 44.64 ล้านบาท ส่วนจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยมีเพียง 1,360 ราย
งบการเงินของ COMAN มักมีปัญหา โดยงบการเงืนไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้แก้ไข เนื่องจากผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการไม่ตั้งค่าเผื่อความเสียหายเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า และการไม่ประเมินมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่คาดว่าจะได้รับคืน
การโยกเงินไปผลาญในบริษัทร่วม ประมาณ151 ล้านบาท ภายในเวลาไม่กี่เดือน จากธุรกิจขายไพ่ของ COMAN กำลังนำไปสู่ภาพหลอก เกี่ยวกับอนาคตของบริษัท ซึ่งอาจจบลงเช่นเดียวกับหุ้น MORE
เพียงแต่จุดจบของ COMAN จะมีผู้บริหารบริษัท ฯ จะพบชะตากรรม ถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้บริหารหุ้น MORE หรือไม่เท่านั้น