ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายดุเดือด หลังราคาบิทคอยนย์ ดิ่งต่ำกว่า 116,000 ดอลลาร์ จุดชนวนการชำระบัญชีแบบสายฟ้าแลบ มูลค่ากว่า 360 ล้านดอลลาร์ นักเทรดกว่า 116,000 บัญชี ถูกบังคับปิดสถานะ ขณะที่ Ethereum ทรุดต่ำกว่า 4,300 ดอลลาร์ เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนทั้งแรงกดดันจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ และเกมกลยุทธ์ของสถาบันการเงิน วงการบล็อกเชนจับตาสัญญาณจุดสูงสุดรอบใหม่ หรือย่อตัวก่อนดีดตัวขึ้นอีกครั้ง?
นักเทรดชำระบัญชีครั้งใหญ่ เขย่าตลาดคริปโต
ตลาดคริปโตเผชิญความปั่นป่วนครั้งใหม่ เมื่อราคา Bitcoin ร่วงทะลุ 116,000 ดอลลาร์ หลังจากทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 124,457 ดอลลาร์เพียงไม่กี่วันก่อนหน้า ความผันผวนดังกล่าวส่งผลให้มีการชำระบัญชีคำสั่ง long position มูลค่ากว่า 360 ล้านดอลลาร์ และลากผู้ลงทุนกว่า 116,598 รายเข้าสู่ภาวะถูกบังคับปิดสถานะ รวมมูลค่าการชำระบัญชีทะลุ 464.3 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง ตามข้อมูลจากตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
Ethereum เจ็บหนักสุด นักลงทุนสูญเกือบ 90 ล้านดอลลาร์
Ethereum เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยการชำระบัญชีฝั่ง long สูงถึง 89 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Bitcoin มีมูลค่าการบังคับขายกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการชำระบัญชีเร่งตัวอย่างรุนแรงระหว่างชั่วโมงซื้อขายของตลาดสหรัฐฯ โดยมีเม็ดเงินกว่า 125 ล้านดอลลาร์ถูกล้างออกภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง
แรงกดดันจากเงินเฟ้อและสัญญาณนโยบายการเงิน
แรงเทขายครั้งนี้ไม่ใช่เพียงผลของการเก็งกำไรเกินตัว แต่ยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคมพุ่ง 3.3% สูงกว่าคาด ทำให้เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดการชำระบัญชีรวมกว่า 1.05 พันล้านดอลลาร์ กระแสยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อต เบสเซน ประกาศชัดว่า “รัฐบาลจะไม่ซื้อ Bitcoin” ซึ่งสวนทางกับแผนการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะยิ่งกดดันความเชื่อมั่นนักลงทุนให้ยิ่งถดถอย
ฤดูกาลร่วงสู่กันยายน วัฏจักรซ้ำรอย
ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ยืนยันว่าเดือนสิงหาคม-กันยายนมักเป็นช่วงเวลาอ่อนแรงของตลาดคริปโต โดย Bitcoin เคยปรับตัวลงในช่วงเดือนกันยายนถึง 8 ครั้งจาก 12 ปีที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับช่วงประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค ทำให้ตลาดเต็มไปด้วยความผันผวนและแรงขายเชิงระบบ
เลเวอเรจและ DeFi จุดชนวนการล้างระบบ
โครงสร้างตลาดที่อัดแน่นด้วยเลเวอเรจและแพลตฟอร์ม DeFi เช่น Aave และ Compound ยิ่งเร่งกระบวนการล้างพอร์ต เมื่อสัญญาอัจฉริยะบังคับขายหลักประกันโดยอัตโนมัติ จุดชนวนแรงขายต่อเนื่องโดยไม่มีกลไก circuit breaker แบบตลาดหุ้น ผลลัพธ์คือความผันผวนทวีคูณ โดยกว่า 67% ของการชำระบัญชีทั้งหมดมาจากฝั่งซื้อที่เก็งกำไรขาขึ้นเกินจริง การบังคับปิดที่ใหญ่ที่สุดมีมูลค่าถึง 9.43 ล้านดอลลาร์ในคู่ ETH-USD
สถาบันก้าวลงสนาม สัญญาณกลับตัวเริ่มก่อตัว
แม้แรงขายจะกวาดล้างสถานะรายย่อย แต่การเคลื่อนไหวกลับสะท้อนการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันที่ “จัดฉาก” มากกว่าการขายแบบออร์แกนิก Bitcoin เคลื่อนไหวอย่างจำกัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก่อนร่วงลงอีกครั้งทันทีที่ตลาดสหรัฐฯ เปิดทำการ สะท้อนแรงขายจากผู้เล่นรายใหญ่ไม่ใช่นักลงทุนรายย่อยเพียงอย่างเดียว ข้อมูลสภาพคล่องยังบ่งชี้ว่าโซนการชำระบัญชีที่ 116,800–114,700 ดอลลาร์ ถูกทดสอบอย่างแม่นยำ และ Bitcoin ปัจจุบันซื้อขายอยู่ในกรอบดังกล่าว สะท้อนว่าตำแหน่งขาขึ้นที่เปราะบางที่สุดถูกล้างออกไปแล้ว
นอกจากนี้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายชี้ว่าการปรับฐานครั้งนี้อาจเป็นเพียง “การสั่นสะเทือนครั้งสุดท้าย” ก่อนที่ตลาดจะเดินหน้าสู่ขาขึ้นรอบใหม่ โดยดัชนี Coinbase Premium ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ราคา Bitcoin จะอ่อนแรง ซึ่งสะท้อนการสะสมเชิงกลยุทธ์จากสถาบันในสหรัฐฯ ความเต็มใจจ่ายในราคาที่สูงกว่าตลาดโลกของนักลงทุนอเมริกัน กลายเป็นสัญญาณบวกที่ไม่ควรมองข้าม
อย่างไรก็ตามระดับแนวรับที่ต้องจับตาอยู่ที่ 114,700 ดอลลาร์ หากราคาทะลุลงต่ำกว่าจุดดังกล่าว อาจนำไปสู่การชำระบัญชีรอบใหม่ แต่หากสามารถรักษาระดับไว้ได้ ก็มีโอกาสสูงที่กระบวนการลดหนี้จะสิ้นสุดลง และเปิดทางสู่การดีดกลับไปทดสอบระดับสูงสุดเดิมอีกครั้ง แม้ว่าแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพียงการสะท้อนความเปราะบางของตลาด แต่คือบทพิสูจน์เชิงยุทธศาสตร์ ว่าผู้เล่นรายใหญ่กำลังจัดวางกระดานอย่างไรในเกมการเงินยุคดิจิทัล