แม้ว่า ดัชนีหุ้น ยังไม่สามารถตีฝ่า ทะลุขึ้นยืนเหนือระดับ 1250 จุดได้ แต่บรรยากาศการลงทุน ได้กลับสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบอีกครั้ง และมีแนวโน้มว่าดัชนี ฯ จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ได้
หลังจากพักปรับฐานลง เมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยดัชนีทรุดลง 24 จุด เนื่องจากการเทขายทำกำไร เมื่อมีข้อสรุปภาษีการค้ากับสหรัฐในอัตรา 19% หุ้นกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม ปรับตัวขึ้นกว่า 11 จุด และวันอังคารที่ 5 สิงหาคม พุ่งทะยานอีก 17.56 จุด ปิดที่ 1246.96 จุด
นักลงทุนต่างชาติเป็นกองหนุนสำคัญ ผลักดันให้ดัชนีฯดีดขึ้นมาแรง โดยวันอังคารไล่ซื้อหุ้นสุทธิ 2,059 ล้านบาท
หุ้นขนาดใหญ่เขียวขจีทั้งกระดาน ดัชนี ฯ ขึ้นมารอจ่อทะลุ 1250 จุด ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้นในเชิงบวก โดยคาดหมายว่า ดัชนี ฯอาจจะวิ่งไปแต่ที่ระดับ 1300 จุดได้
เพราะไม่มีปัจจัยลบกดดัน มีแต่ความคาดหวังข่าวในเชิงบวก ทั้งการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนตลาดหุ้นไทยของโบรกเกอร์ต่างชาติ และปัจจัยหนุนที่สำคัญคือ การไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ
มุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วง 5 เดือนสุดท้ายปี 2568 โบรกเกอร์ส่วนใหญ่เริ่มปรับเปลี่ยน พร้อมปรับเป้าหมายดัชนี ฯ ในช่วงปลายปี จากก่อนหน้าประเมินว่า ครึ่งปีหลังตลาดหุ้นจะซบเซาลงอีก โดยคาดหมายดัชนี ฯ ปลายปีที่ระดับ 1250 จุด แต่ปรับเป้าหมายเป็น 1350 จุด และเชื่อว่า แนวโน้มการลงทุนจะสดใสขึ้น
หุ้นขนาดใหญ่ ตกเป็นเป้าหมายในการซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ และหุ้นขนาดใหญ่ปลายตัว ปรับตัวขึ้นมาระดับ 40% - 50% แล้วในรอบนี้ ซึ่งเกิดจากแรงซื้อของต่างชาติ
เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่างชาติบุกหนัก กลับเข้ามาไล่ช้อนซื้อหุ้นเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และเดือนสิงหาคมยังซื้อต่อเนื่อง จนเชื่อว่า ต่างชาติกลับคืนสู่ตลาดหุ้นไทยจริง โดยจะทยอยซื้อหุ้นต่อเนื่อง ขับเคลื่อนให้ดัชนี ฯ เดินหน้าต่อไป
แรงจูงใจส่วนหนึ่งที่ดึงต่างชาติกลับ เกิดจากราคาหุ้นที่ลงมาต่ำ โดยปี้นี้ ดัชนี ฯ ยังติดลบอยู่ประมาณ 150 จุด เมื่อเทียบกับจุดปิดเมื่อสิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1400 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสูงมาก จนเกิดคงวามกังวลเรื่องความเสี่ยง เงินทุนจึงเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม แม้บรรยากาศลงทุนมีแนวโน้มที่สดใสขึ้น แต่ดัชนีฯรอบนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 200 จุด ราคาหุ้นขนาดใหญ่เริ่มไม่ถูก และยังมีความเสี่ยงในความไม่แน่นอนทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ทั้งภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นมาสูงมาก จนอาจเกิดการปรับตัวลงรุนแรง
นักลงทุนรายย่อยในประเทศ ทยอยลดความเสี่ยงมาตลอด ในขาขึ้นใหญ่รอบนี้ โดยทยอยขายหุ้นออก ซึ่งไม่น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะรายย่อยเก็บสะสมหุ้นมาตลอดเส้นทาง “ขาลง” จึงต้องช่วงชิงโอกาสขายทำกำไร และลดความเสี่ยงไปในตัว
แนวโน้มระยะสั้น หุ้นคงขยับขึ้นต่อ และสามารถทะลุผ่าน 1250 จุด สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ ภายใต้แรงหนุนของนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยกลับตลาดหุ้นไทย
แต่นักลงทุนรายย่อยอย่าได้ประมาท หรือตั้งความคาดหวังกับแนวโน้มตลาดหุ้นมากเกินไป
ขาขึ้นใหญ่รอบนี้ เป็นนาทีทองของรายย่อยในการคัดหุ้นที่มีกำไร ทยอยขาย เพราะเพดานขาขึ้นเริ่มแคบลง
เป้า 1300 จุด รอบนี้น่าจะก้าวไปไม่ถึง