กระแส Stablecoin มาแรงไม่หยุด หลังยอดค้นหาบน Google พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สอดคล้องกับมูลค่าตลาดที่ทะยานแตะ 272,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความตื่นตัวของผู้ใช้งานทั่วโลกที่เริ่มมองเห็นศักยภาพของสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะภายใต้กรอบกฎหมาย GENIUS Act ที่เพิ่งผ่านสภาคองเกรสสหรัฐฯ ท่ามกลางการตอบรับเชิงบวกจากสถาบันการเงินรายใหญ่ทั่วโลก
ตามข้อมูลจาก CoinGecko รายงานว่าตลาด Stablecoin กำลังเดินหน้าเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อกระแสความสนใจจากผู้ใช้งานทั่วโลกสะท้อนผ่านพฤติกรรมการค้นหาบน Google ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สอดรับกับมูลค่าตลาดที่ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 272,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7% ของมูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัล
การเร่งตัวของกระแส Stablecoin ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการประกาศผ่านกฎหมาย Guiding and Empowering Nation's Innovation for US Stablecoins Act (GENIUS Act) เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ให้ความชัดเจนทางกฎหมายต่อการออกและใช้งาน Stablecoin ในระดับสถาบัน ส่งผลให้ความสนใจจากภาคธุรกิจ การเงิน และผู้บริโภคทั่วไปพุ่งทะยานตามมา
ก่อนหน้านี้ จุดสูงสุดของการค้นหา Stablecoin เคยเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2565 อันเป็นผลจากวิกฤติ depeg ของ Terra USTC ที่ลุกลามเป็นการล่มสลายของระบบนิเวศ Luna ซึ่งในขณะนั้นผู้คนตื่นตระหนกและเริ่มค้นหาความหมายและความเสี่ยงของ stablecoin ในมุมเชิงลบ
แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เมื่อพฤติกรรมการค้นหาไม่ได้มาจากความหวาดกลัว แต่เป็นการ “ตื่นรู้” และ “แสวงหา” โอกาสใหม่ในโครงสร้างการเงินดิจิทัลยุคหน้า
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง The DeFi Investor โพสต์บน X พร้อมเสริมว่า “ผู้คนกำลังตื่นรู้ถึงศักยภาพของตัวเอง และ Stablecoins คือผลิตภัณฑ์ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานพันล้านคนแรกบนเครือข่ายได้”
เติบโตแบบ ‘พาราโบลา’ สะท้อนศักยภาพทางเศรษฐกิจ
บริษัทจัดการสินทรัพย์คริปโตชั้นนำอย่าง Bitwise ได้ออกมาวิเคราะห์ผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “Stablecoin กำลังเร่งตัวด้วยอัตราการเติบโตแบบพาราโบลา” ทั้งในแง่มูลค่าตลาดและจำนวนธุรกรรมที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้
ด้านบริษัท SharpLink ซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับระบบคลังของ Ethereum ถึงกับระบุอย่างมีอารมณ์ขันว่า “คุณไม่สามารถสะกดคำว่า ‘Stablecoin’ ได้หากไม่มีคำว่า ‘Parabolic’ อยู่ในนั้น”
ขณะที่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่ากว่า 98% ของ Stablecoin ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันผูกกับดอลลาร์สหรัฐโดย Tether (USDT) ครองสัดส่วนมากที่สุดถึง 60% ของตลาดทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ แม้ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความผันผวนสูง
Stablecoin กลายเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงใหม่ของโลกการเงิน
นักวิเคราะห์ด้านกลยุทธ์ของ CoinW นายนาสเซอร์ อัล อัสการ์ เปิดเผยกับ Cointelegraph ว่า การใช้ Stablecoin กำลังกลายเป็น “เครื่องมือป้องกันความผันผวน” ที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
“Stablecoin มีบทบาทสำคัญในการชำระเงินข้ามพรมแดน และทำหน้าที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยในช่วงเวลาตลาดผันผวน นอกจากนี้ เรายังเห็นการเร่งตัวของสถาบันที่เริ่มพัฒนา Stablecoin ของตนเองมากขึ้น” นาสเซอร์ กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้บริษัทบางรายจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างสินทรัพย์สำรองเพื่อรองรับการใช้งาน Stablecoin อย่างมั่นคง แต่หลายองค์กรเริ่มหันมาพิจารณาการออกผลิตภัณฑ์ Stablecoin ของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนและผู้ใช้งานทั่วไป
Stablecoin คือสะพานเชื่อม ‘โลกการเงินดั้งเดิม’ สู่ ‘ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล’
การพุ่งขึ้นของความสนใจและมูลค่าตลาดของ Stablecoin ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงกระแสระยะสั้น แต่เป็นสัญญาณของ “การเปลี่ยนผ่าน” ที่สำคัญระหว่างระบบการเงินแบบเก่าและใหม่ หากกฎหมายและกลไกการกำกับดูแลถูกพัฒนาไปอย่างถูกทาง Stablecoin อาจกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานการเงินดิจิทัลที่สำคัญที่สุดในรอบทศวรรษ