xs
xsm
sm
md
lg

บิทคอยน์พลิกพุ่งแตะ 230,000 ดอลลาร์ ลากโซลาน่าทะยาน 2,800%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กูรูสายเทคนิคออกโรงฟันธง บิทคอยน์จะพุ่งไปแตะ 230,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ "Solana" จ่อระเบิดราคาถึง 2,800% สัญญาณชี้การก่อตัวบนกราฟรายเดือนเป็น "ขาขึ้นมหาศาล" ที่อาจเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์วงการคริปโตฯ

นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโตเคอร์เรนซีต่างกำลังจับตามองปรากฏการณ์สำคัญที่อาจทำให้ราคาของ Bitcoin และ Solana พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล โดยอ้างอิงจาก "แพทเทิร์นถ้วยและหู" (Cup and Handle Pattern) ซึ่งเป็นรูปแบบกราฟทางเทคนิคที่รู้จักกันดีว่าเป็นสัญญาณ "ขาขึ้น" ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อปรากฏบนกราฟรายเดือน

จากการวิเคราะห์ล่าสุดของ Trader Alan ผู้สร้างเนื้อหาชื่อดังบนแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) เขาได้ระบุว่าทั้ง Bitcoin และ Solana กำลังอยู่ในช่วงของการก่อตัวแพทเทิร์นนี้ ซึ่งหากสำเร็จ จะนำไปสู่การทะยานของราคาในระดับ "พาราโบลิก" (Parabolic) หรือการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและชันมาก

สำหรับ Bitcoin (BTC) นั้น Trader Alan คาดการณ์ว่าราคาอาจพุ่งสูงถึง 230,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และหากแพทเทิร์นนี้สมบูรณ์แบบ แม้ว่า Bitcoin จะใช้เวลาเจ็ดสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ แต่ความคาดหวังว่าราคา BTC จะไปในทิศทางใดต่อไปก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของ Solana (SOL) นั้น Trader Alan ได้ให้เป้าหมายราคาที่น่าตกใจถึง 4,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหมายถึงการเพิ่มขึ้นเกือบ 3,000% จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเขาชี้ว่า SOL กำลังพยายามทำซ้ำรูปแบบเดียวกับ BTC ที่ได้ทำไปแล้ว

การเปรียบเทียบ BTC/USD กับ SOL/USD ที่มา: Trader Alan/X
"แพทเทิร์นถ้วยและหู" คืออะไร?

แพทเทิร์นถ้วยและหู เป็นรูปแบบกราฟขาขึ้นที่บ่งบอกถึงการพักฐานของราคา ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ โดยมีลักษณะคล้ายถ้วยที่มีหูจับ ราคาจะกลับไปที่จุดสูงสุดเดิม จากนั้นจะรวมฐานและทะยานขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งมักจะส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

ขณะที่ Cointelegraph เคยรายงานว่า BTC/USD ได้สร้างและทำแพทเทิร์นถ้วยและหูระยะยาวเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตั้งแต่จุดสูงสุดในปี 2021 ไปจนถึงจุดต่ำสุดในปี 2022 และกลับขึ้นมาอีกครั้ง ตามมาด้วยการพุ่งทะยานสู่ระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครั้งแรก

Trader Alan กล่าวว่า "$BTC ได้ทะลุ 'หู' ของแพทเทิร์นแล้ว ในขณะที่ $SOL ยังคงรอการทะลุผ่าน" โดยระบุว่าแพทเทิร์นล่าสุดของ Bitcoin นี้ได้ขยายการทะลุเหนือจุดสูงสุดในปี 2021 ไปอีกขั้นหนึ่ง

กราฟ SOL/USD 1 สัปดาห์ ที่มา: Cointelegraph/TradingView
เป้าหมายระหว่าง BTC vs SOL

อ้างอิงจากข้อมูลจาก Cointelegraph Markets Pro และ TradingViewแม้เป้าหมายราคา 230,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ของ BTC จะยังคงเป็นการเพิ่มขึ้น 115% ซึ่งดูน่าทึ่ง แต่ก็ถือว่า "พอประมาณ" เมื่อเทียบกับแผนการของ Solana ที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 3,000% ปัจจุบัน SOL/USD ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่จุดสูงสุดตลอดกาลของคู่นี้จากเดือนมกราคม 2025 คือ 294 ดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วของ Altcoins อย่าง Solana ต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ นั่นคือ "การครอบงำ" (Dominance) ของ Bitcoin ในตลาดคริปโตฯ โดยรวมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้เกิน 65% ไปแล้ว และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2564

ทั้งนี้ในอดีต การที่ Bitcoin Dominance แตะระดับ 70% มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเริ่มต้นของ "Altcoin Season" หรือช่วงเวลาที่ Altcoins จะทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม Rekt Capital นักเทรดและนักวิเคราะห์ชื่อดัง กล่าวว่าวัฏจักรนี้อาจไม่จำเป็นต้องรอให้ BTC Dominance แตะ 70% ก่อนที่ Altcoin Season จะเริ่มต้นขึ้น

กราฟแสดงมูลค่าตลาดคริปโตของ Bitcoin ในช่วง 1 สัปดาห์ ที่มา: Cointelegraph/TradingView
อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์ "แพทเทิร์นถ้วยและหู" ของ Bitcoin และ Solana ที่ชี้เป้าการทะยานของราคานั้น ไม่ใช่แค่การคาดการณ์ธรรมดา แต่มันคือ "การปลุกระดม" ความหวังของนักลงทุนทั่วโลกที่กำลังต้องการ "กำไรมหาศาล" หลังจากการพักฐานอันยาวนาน การที่กูรูเทคนิคใช้ "รูปแบบคลาสสิก" ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาแล้วในอดีต มายืนยันเป้าหมายที่สูงลิ่ว ยิ่งทำให้ "ความคลั่ง" ในตลาดมีแต่จะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันสิ่งที่ต้องจับตาคือ "การครอบงำ" ของ Bitcoin ที่ยังคงเป็น "กำแพง" สำคัญสำหรับ Altcoins อย่าง Solana แม้ว่า SOL จะมีศักยภาพในการทำกำไรมหาศาลถึง 2,800% แต่หาก Bitcoin ยังคงดึงดูดเม็ดเงินและความสนใจส่วนใหญ่ไป Altcoin Season ที่ทุกคนรอคอยก็อาจยังไม่มาถึงในเร็ววัน

บทวิเคราะห์ของ Trader Alan นี้จึงเป็น "เกมจิตวิทยา" ระหว่างความหวังและความเป็นจริง นักลงทุนหลายคนอาจจะรีบเข้าซื้อตามสัญญาณนี้โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ผู้ที่ชาญฉลาดจะรู้ว่า "แพทเทิร์น" ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ และ "ปัจจัยมหภาค" รวมถึง "การควบคุมตลาด" ของรายใหญ่ ก็ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถบิดเบือนทุก "ทฤษฎี" ได้เสมอ