xs
xsm
sm
md
lg

ออสเตรเลียคุมเข้มตู้ ATM คริปโต! หลังเหยื่อหลอกลวงพุ่งทะลุ 3 ล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หน่วยงานกำกับการเงินของออสเตรเลีย (AUSTRAC) ประกาศมาตรการใหม่ จำกัดการฝาก-ถอนเงินสดผ่านตู้ ATM คริปโตไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อรายการ พร้อมเพิ่มการตรวจสอบธุรกรรมและยืนยันตัวตนลูกค้าอย่างเข้มงวด หลังพบว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของกลุ่มมิจฉาชีพ

หน่วยงานกำกับการเงินของออสเตรเลีย (AUSTRAC) ได้ประกาศมาตรการใหม่เพื่อควบคุมการใช้งานตู้ ATM คริปโตเคอร์เรนซี หลังพบว่ามีการใช้เครื่องเหล่านี้ในการหลอกลวงผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมาตรการดังกล่าวรวมถึงการจำกัดการฝากและถอนเงินสดผ่านตู้ ATM คริปโตไม่เกิน 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 3,250 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อรายการ การติดตั้งป้ายเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวง การตรวจสอบธุรกรรมอย่างเข้มงวด และการยืนยันตัวตนลูกค้าอย่างละเอียด


AUSTRAC ระบุว่า มาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ตู้ ATM คริปโตในการหลอกลวง และเพื่อป้องกันไม่ให้ธุรกิจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ AUSTRAC พบว่า ผู้ใช้ตู้ ATM คริปโตส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 50 ปี และคิดเป็น 72% ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง โดยในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2024 ถึงมกราคม 2025 มีรายงานการหลอกลวงผ่านตู้ ATM คริปโตจำนวน 150 รายการ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 3.1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย (AFP) เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" ของปัญหาที่แท้จริง

ออสเตรเลียมีตู้ ATM คริปโตมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่มา: Coin ATM Radar
ขณะที่ออสเตรเลียมีจำนวนตู้ ATM คริปโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา จาก 67 เครื่องในเดือนสิงหาคม 2022 เป็น 1,819 เครื่องในปัจจุบัน ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนตู้ ATM คริปโตมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

อย่างไรก็ดี AUSTRAC คาดหวังว่า มาตรการใหม่นี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการหลอกลวงและการฟอกเงินผ่านตู้ ATM คริปโต และเตรียมประเมินผลของมาตรการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินในอนาคต