xs
xsm
sm
md
lg

นักวิเคราะห์คาดไทยอาจหั่นดอกเบี้ยมากสุดในอาเซียนเพื่อรับมือสงครามการค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจกลายเป็นธนาคารกลางที่ต้องเริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงินแบบเชิงรุกมากที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซาอยู่แล้วนั้นกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลง

โนมูระ โฮลดิงส์ คาดการณ์ว่า ธปท.อาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 1% ในปีหน้า ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่า ธปธ.จะปรับลดดอกเบี้ย 0.75% ในปีหน้า โดยการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ทั้งสองสำนักบ่งชี้ว่า ธปท.มีแนวโน้มที่จะเป็นธนาคารกลางที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ ธปท.พยายามหลีกเลี่ยงการปรับลดดอกเบี้ยแม้จะเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองก็ตาม

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการแสดงความเห็นของนักวิเคราะห์จากโนมูระว่า ประเทศไทยไม่เพียงฟื้นตัวช้าหลังโควิด แต่ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเปราะบางต่อมาตรการกีดกันทางการค้ามากที่สุด

ความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ไทยซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่ เนื่องจากสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของไทยเริ่มซบเซา ซึ่งปัจจัยนี้ถือเป็นการซ้ำเติมปัญหาเดิมที่ไทยเผชิญอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภาคการผลิตที่อ่อนแอ หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น และการบริโภคที่ซบเซา ซึ่งทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นอกจากจะทำให้ภาคการส่งออกของไทยซบเซาลงแล้ว คาดว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังอาจทำให้สินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาในประเทศมากขึ้นในช่วงเวลาที่การผลิตในประเทศต่อสู้ดิ้นรนเพื่อแข่งขัน

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของ ธปท.จะเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ ธปท.อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน เม.ย.

อย่างไรก็ดี แม้ ธปท.ได้เปลี่ยนจุดยืนจากที่เคยดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ด้วยการทำเซอร์ไพรส์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ต.ค.2567 และปรับลดดอกเบี้ยอีกในเดือน ก.พ.ปีนี้ แต่ ธปท.ยังลังเลที่จะให้คำมั่นว่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินอย่างเต็มรูปแบบ


กำลังโหลดความคิดเห็น