ปฏิบัติการล่ามิจฉาชีพออนไลน์ ตร.ไซเบอร์บุก 5 จุด รวบ 2 ผู้ต้องหา แฉพฤติกรรมหลอกเหยื่อโอนเงินลงทุน ช่วงแรกถอนกำไรได้ ก่อนเชิดเงินหนี ตรวจยึดทรัพย์หรู รถ BMW – Alphard – คอนโด – แบรนด์เนม มูลค่ากว่า 20 ล้าน พบหลักฐานเงินหมุนเวียนหมื่นล้านต่อปี!
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมด้วยทีมงานตำรวจไซเบอร์ แถลงข่าวการเปิดปฏิบัติการ "EXIT SCAM" ทลายขบวนการหลอกลงทุนคริปโต มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนและหญิงสาวชาวไทย ซึ่งมีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับขบวนการฟอกเงิน
แผนหลอกลงทุนคริปโต สูญเงินกว่าล้านบาท
คดีนี้เริ่มจากมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ว่า ถูกหลอกให้โอนเงินลงทุนในคริปโต โดยมิจฉาชีพใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีเข้ามาพูดคุยตีสนิททางโซเชียลมีเดีย ก่อนหลอกให้ลงทุนโดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนสูง ช่วงแรกผู้เสียหายสามารถถอนเงินได้จริง แต่เมื่อลงทุนเพิ่ม กลับไม่สามารถถอนเงินได้ และสุดท้ายสูญเงินไปกว่า 2 ล้านบาท
ต่อมา พล.ต.ท.ไตรรงค์ สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์สืบสวนจนพบหลักฐานชัดเจน และสามารถขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่
นายเชา (สัญชาติจีน) อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1138/2568
น.ส.นริศรา อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1137/2568
จากการตรวจสอบพบว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงกับคดีหลอกลวงออนไลน์อีกถึง 28 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
เบื้องหลังขบวนการ ฟอกเงิน-ใช้ชีวิตหรูหรา
ตำรวจไซเบอร์พบว่าผู้ต้องหาทั้งสองอาจมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ฝ่ายหญิงซึ่งมีอาชีพขายสินค้าย่านประตูน้ำ ได้เปิดบัญชีคริปโตให้ชายชาวจีนใช้ ก่อนร่วมกันเปิดร้านขายรองเท้าย่านเยาวราช แม้ธุรกิจจะไม่ค่อยดี แต่ทั้งคู่กลับใช้ชีวิตหรูหรา ทั้งขับรถหรู ใช้สินค้าแบรนด์เนม และสะสมตุ๊กตา Bearbrick กว่า 30 ตัว
ปฏิบัติการจับกุม 5 จุด ยึดทรัพย์กว่า 20 ล้าน
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.ตอท. ได้ปล่อยแถวปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด ได้แก่
1. คอนโดหรูริมแม่น้ำ ย่านพระราม 3
2. คอนโดหรูย่านสาทร
3. คอนโดหรูย่านตากสิน
4. ร้านขายรองเท้าย่านเยาวราช
5. บ้านพักในสมุทรสาคร
ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ พร้อมตรวจยึดของกลาง ได้แก่
- ตุ๊กตา Bearbrick 30 ตัว
- โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง
- รถหรู BMW X-1 และ Toyota Alphard
- เอกสารการครอบครองคอนโด
- พาสปอร์ต 6 เล่ม
- ตู้เซฟและกุญแจ
- สินค้าแบรนด์เนม รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
แจ้งข้อหา “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน-อาชญากรรมข้ามชาติ”
โดยตำรวจไซเบอร์แจ้งข้อหาหนักแก่ผู้ต้องหา ได้แก่
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
- นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
- สมคบกันฟอกเงิน
- ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานสำคัญในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา รวมถึงสลิปโอนเงินกว่า 5,000 รายการ ในระยะเวลาไม่ถึงปี โดยแต่ละรายการมีมูลค่าตั้งแต่ 1-5 แสนบาท ทำให้เชื่อว่าขบวนการนี้อาจมีเงินหมุนเวียนสูงถึงหมื่นล้านบาทต่อปี
พร้อมกันนี้ตำรวจไซเบอร์กำลังขยายผลติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป