xs
xsm
sm
md
lg

วิวัฒนาการจีนในธุรกิจอสังหาฯ ไทย เปิดกลเม็ดทุนจีนเทาลงทุน-แฝงฟอกเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาตินั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว โดยกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติในอดีตนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักลงทุนจากชาติยุโรป และสหรัฐอเมริกา แต่ในช่วงหลังๆ มานี้ กลุ่มที่เข้ามาซื้อลงทุนส่วนใหญ่เปลี่ยนมาเป็นกลุ่มนักลงทุนจากจีน ซึ่งวิวัฒนาการของการเปลี่ยนแปลงนี้ เริ่มขึ้นเมื่อประเทศจีนมีการเปิดประเทศและสนับสนุนให้นักลงทุนออกไปลงทุนนอกประเทศ โดยประเทศไทยเป็นจุดหมายอันดับแรกของนักลงทุนจีนในกลุ่มประเทศอาเซียน

นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ต้อ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า กำลังซื้อของชาวต่างชาติในตลาดคอนโดมิเนียมประเทศไทยมีมานานแล้ว ซึ่งการเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติจากข้อมูลสถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่เปิดเผยออกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะเข้ามาก่อนปี พ.ศ.2551 โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อและโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยมีหลากหลายทั้งจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ไต้หวัน และจีน (ประเทศจีนและฮ่องกง)

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ชัดเจนว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ซื้อเอเชีย และที่น่าสนใจ คือ กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนที่เข้ามาในตลาดคอนโดมิเนียมของประเทศไทยนานแล้ว โดยติด 1 ใน 3 ของการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา แต่จำนวนเพิ่มมากขึ้นจนขึ้นอันดับที่ 1 ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2557-2558 เป็นต้นมา และมีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 1 มาโดยตลอดถึงปัจจุบัน โดยสัดส่วนของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติในประเทศไทย ณ ปี พ.ศ.2560 มีสัดส่วนถึง 27% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 33% จากปี พ.ศ.2559 และในช่วงปี พ.ศ.2555-2560 มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% เลย

การเข้ามาในตลาดคอนโดมิเนียมประเทศไทยของชาวจีนนั้น ช่วงแรกๆ หรือประมาณปี พ.ศ.2550 เป้นต้นมา เป็นเพราะผู้ประกอบการไทยออกไปขายคอนโดมิเนียมในประเทศของพวกเขา ซึ่งจากที่ติดตามมามีการออกไปโรดโชว์เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์มาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2550 หรืออาจจะมีก่อนหน้านั้นแล้วก็เป็นไปได้ จากนั้นเกิดการร่วมมือกับกลุ่มนายหน้าต่างชาติในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เพื่อขยายตลาดในกลุ่มคนประเทศเหล่านั้นโดยเฉพาะในประเทศจีน จนจำนวนของชาวจีนที่เข้ามาซื้อ และโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากนั้นกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนกลายเป็นกลุ่มที่ผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญอันดับที่ 1 มาโดยตลอด มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อจากชาวจีนมาต่อเนื่องในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งยิ่งเป็นการกระตุ้นให้กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมากขึ้น

สุรเชษฐ กองชีพ
สำหรับการเข้ามาของกำลังซื้อชาวจีนในตลาดคอนโดมิเนียมของประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้น ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการไทยจะพยายามสร้างจุดขายให้โครงการของตนเองโดยการชูดจุดเด่นในเรื่องของการสร้างผลตอบแทนที่สูงทั้งจากการขายต่อและการปล่อยเช่าคอนโดมิเนียม เมื่อโครงการแล้วเสร็จ ซึ่งทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการและนายหน้าที่เข้าไปทำการตลาดในประเทศจีนต่างพูดเรื่องเหล่านี้กันต่อเนื่องเพื่อสร้างความน่าสนใจให้โครงการคอนโดมิเนียมของตนเอง หรือโครงการที่ตนเป็นตัวแทนในการขาย

โดยในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลประเทศจีนคุมเข้มการลงทุนในตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศ เพราะปัญหาเรื่องของราคาขายที่เพิ่มขึ้นและเรื่องการเร่งขยายหรือเปิดขายโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในประเทศจีนที่เริ่มสร้างความวิตกกังวลให้รัฐบาลจีนแล้ว จึงเริ่มมีการควบคุมเรื่องของจำนวนการถือครองคอนโดมิเนียมของคนจีน แต่ความต้องการลงทุนในตลาดสังหาริมทรัพย์เป็น 1 ในสิ่งที่คนจีนต้องการมาโดยตลอด เมื่อโดนรัฐบาลจีนควบคุม การออกมาลงทุนนอกประเทศจีนจึงมีมากขึ้น ประกอบกับการเข้าไปเปิดตลาดของผู้ประกอบการไทยตอบโจทย์เรื่องเหล่านี้ของพวกเขาได้พอดิบพอดี อีกทั้งราคาคอนโดมิเนียมในประเทศไทยยังต่ำมากเมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในประเทศจีน แต่ผลตอบแทนจากการขายต่อ และการปล่อยเช่าสูงกว่าตามที่ผู้ประกอบการหรือนายหน้าโฆษณาไว้

แต่สุดท้ายแล้วการโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ ก็หนีความเป็นจริงไม่ได้ เพราะผลตอบแทนจากการขายต่อตามที่มีการโฆษณาไว้นั้นต้องมีการขายออกไปจากมือของผู้ซื้อได้ก่อนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ง่ายแบบที่พวกเขาต้องการ อีกทั้งการปล่อยเช่าไม่ได้สร้างผลตอบแทนได้ตามที่โฆษณาไว้เหมือนกัน เพราะปัจจัยสำคัญ คือ ราคาขายคอนโดมิเนียมที่ทั้งผู้ประกอบการ และนายหน้าเอาไปขายคนจีนหรือต่างชาตินั้นสูงกว่าราคาขายที่เปิดขายในประเทศไทย การจะขายต่อหรือตั้งราคาเพื่อล่อยเช่าจึงไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่เคยพูดไว้จนเกิดปัญหา และมีผลให้ผู้ประกอบการบางรายต้องปิดสำนักงานขายในต่างประเทศ หรือต้องหยุดการออกไปโรดโชว์ต่างประเทศก็มี จากนั้นจึงค่อยๆ สร้างการรับรู้ใหม่ และเปิดขายแบบราคาที่แตกต่างจากราคาในประเทศไม่มากนัก

อีกทั้งกลุ่มนายหน้าจีน และผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจด้านข้อมูลข่าสารวงการอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีการเข้ามาหาข้อมูลโครงการต่างๆ ในประเทศไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และเมืองท่องเที่ยวชายทะเลทั้งพัทยา ภูเก็ต รวมไปถึงเชียงใหม่มากขึ้น มีการทำเว็บไซต์รวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยกันมากมายส่งผลให้เกิดการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น มีตัวแทนนายหน้าจากประเทศจีนเข้ามาทำข้อตกลงโดยตรงกับผู้ประกอบการไทย มีการเผยแพร่ข้อมูลระหว่างกันมากขึ้นเป็นวงกว้างจนทำให้การเข้ามาของคนจีนในรอบใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นแบบชัดเจน


การเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมของคนจีนในประเทศไทยที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา สร้างความสนใจให้กลุ่มนักลงทุนจีนจนมีนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนร่วมมือกับกลุ่มของคนจีนที่อาจจะประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้วประสบความสำเร็จจึงนำเงินมาต่อยอดด้วยการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม มองหาพันธมิตรคนไทยเพื่อร่วมกันลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทย แต่เป็นลักษณะการลงทุนทีละโครงการเท่านั้น ไม่ได้ต้องการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว และไม่ได้เป็นนักลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยตรง ซึ่งการพัฒนาโครงการของพวกเขาจะอาศัยคนไทยที่มีประสบการณ์ในเรื่องของการออกแบบโครงการ การขาย และการดูและบริหารโครงการทั้งหมด พวกเขาเป็นเพียงนักลงทุน และบริหารจัดการระดับบนเท่านั้น

โดยการพัฒนาโครงการของพวกเขามีวัตถุประสงค์เพื่อขายทั้งคนไทยและต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนตามข้อบังคับในพระราชบัญญัติอาคารชุดที่ห้ามเกินร้อยละ 49 ของเนื้อที่ของคอนโดมิเนียมทั้งหมดในโครงการ ซึ่งบริษัทที่เข้ามาลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยมีมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2552 แล้ว จากนั้นเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่จำนวนไม่ได้มากนัก และเป็นการเข้ามาของบริษัทหรือนักลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในรูปแบบที่เป็นไปตามข้อบังคับของกฎหมายประเทศไทย ไม่ได้ต้องการละเมิดหรือทำผิดกฎหมายใดๆ

เมื่อการเข้ามาของกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติมากขึ้นเริ่มมีการหาช่องทางในการเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้นโดยเฉพาะในอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ซึ่งเรื่องนี้มีมานานมากแล้ว และมีมาก่อนที่กลุ่มของคนจีนจะเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่แบบช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยที่ก่อนหน้านี้ช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ.2540 เป็นต้นมา เป็นกลุ่มของชาวต่างชาติจากยุโรปหรือรัสเซียที่เข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่คอนโดมิเนียมทั้งในชื่อนิติบุคคลไทยที่มีคนไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือครองในชื่อของคู่สมรส บุตรหลานที่เกิดกับคนไทยในประเทศไทย หรือรูปแบบต่างๆ

นอกจากนี้ บางส่วนยังประกอบธุรกิจที่ไม่ถูกต้องหรือมีการให้ที่พักกับคนที่ทำผิดกฎหมายในต่างประเทศแล้วเข้ามาหลบในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนั้นอยู่นอกกรุงเทพมหานคร โดยจะพบเห็นได้มากในพัทยารวมไปถึงภูเก็ต แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลุ่มนี้มีอิทธิพลลดลง ธุรกิจบางอย่างไม่ประสบความสำเร็จจนไม่เกิดการขยายตัวหรือโดนจับกุมจากปัญหาที่พวกเขาก่อขึ้นเอง หรือจากปัญหาที่ติดตัวมาจากต่างประเทศ และคนรุ่นต่อมาที่เกิดในประเทศไทยไม่ได้สานต่อธุรกิจของครอบครัวแล้ว แต่ยังมีกลุ่มใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มของคนจีนที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย


การกวาดล้างของกลุ่มทุนจีนสีดำที่ทำคอลเซ็นเตอร์ กาสิโนออนไลน์ หรือการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ในประเทศรอบๆ ประเทศไทยของรัฐบาลจีนมีผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของเงินทุนของกลุ่มนี้ครั้งใหญ่ ซึ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2561-2563 แล้ว มีกลุ่มของคนจีนที่ทำธุรกิจรูปแบบนี้หาช่องทางในการนำเงินเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นแปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ไม่ได้สนใจว่าจะเป็นไปตามราคาตลาดหรือไม่ ซึ่งมีการให้ความช่วยเหลือกันหลายๆ ทอดตั้งแต่การนำเงินเข้าประเทศไทย การแปรสภาพและทำให้เป็นเงินที่มีการโอนเข้าระบบธนาคารในประเทศแบบถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเงินที่เข้ามาของกลุ่มนี้เป็นเงินสดไม่ได้อยู่ในระบบธนาคาร

อีกทั้งคนกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้ถือสัญชาติจีนแล้วก็เป็นไปได้ โดยอาจจะถือสัญชาติประเทศอื่นๆ ที่สามารถเปลี่ยนสัญชาติได้ผ่านการลงทุนในประเทศนั้นๆ การโอนเงินหรือนำเงินเข้ามาในช่องทางต่างๆ จึงอาจจะติดตามหรือตรวจสอบที่มาที่ไปได้ยาก รวมไปถึงอาจจะมาในรูปแบบของการเข้ามาลงทุนเปิดกิจการในประเทศไทย เปิดบริษัท เปิดร้านอาหารในประเทศไทย จากนั้นนำเงินมาลงทุนจริงๆ ส่วนหนึ่ง เงินส่วนที่เหลืออาจจะแปรสภาพเป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถ้ามีการออกเอกสารที่ถูกต้องของเงินเหล่านี้การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม หรืออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยก็เป็นไปได้ตามกฎหมายในประเทศไทย

นายสุรเชษฐ กล่าวว่า การเข้ามาลงทุนหรือเปิดกิจการ ธุรกิจในประเทศไทยมีทั้งแบบถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการเปิดกิจการที่ต้องการจะดำเนินธุรกิจจริงๆ ก็มี แต่มีบางส่วนที่เปิดกิจการเพียงเพื่อต้องการขอใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยเพื่อที่จะได้อยู่ในประเทศไทยได้ยาวนานกว่าการเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว รวมไปถึงการเปิดบริษัทหรือนิติบุคคลเพื่อที่จะได้สามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตรวจสอบได้ยาก เพราะการตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินทั่วประเทศนั้นเป็นปลายทางแล้ว ถ้าเอกสารที่ใช้ในการโอนกรรมสิทธิ์ต่างๆ ถูกต้องตามที่ระบุในกฎหมายประเทศไทยก็คงไม่มีปัญหาใดๆ รวมไปถึงผู้ประกอบการต่างๆ เช่นกัน

ถ้าเอกสารที่ชาวต่างชาติไม่ว่าจะสัญชาติใดก็ตามนำมาแสดงถูกต้องคงไม่มีรายใดที่ไม่อยากได้เงินอยู่แล้ว การเข้ามาเปิดนิติบุคคลเพื่อดำเนินกิจการต่างๆ ในประเทศไทยของกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยไม่สามารถยืนระยะได้ยาว บางรายเพียงไม่กี่เดือนก็ต้องปิดกิจการไป เพราะเจอการตรวสอบย้อนหลัง และเจอข้อบังคับบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยรับรู้มาก่อน เนื่องจากไม่มีการศึกษาหรือเตรียมความพร้อมให้ดีก่อนการเปิดกิจการ


ทั้งนี้ การเข้ามาของเงินทุนกลุ่มนี้แบบที่เป็นการจัดตั้งนิติบุคคลในประเทศไทยยังมีบางส่วนที่เข้ามาลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยตรงทั้งเพื่อเป็นการแปรสภาพเงินของตนเอง และเพื่อเป็นการสร้างรายได้ อีกทั้งยังเป็นการหาที่อยู่เป็นหลักแหล่งให้คนจีนที่พวกเขารู้จักหรือทำธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลโดยหลายหน่วยงานมีการตรวจสอบและประสานงานกับรัฐบาลจีนจนมีการจับกุมและยึดทรัพย์มาแล้วหลายรายทั้งในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต เพียงแต่อาจจะช้าหรือไม่ได้ดำเนินการแบบรวดเร็วมากนัก แต่ได้ผลและสร้างความเกรงกลัวในระดับหนึ่งเนื่องจากโดนตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนหลัง และสามารถย้อนไปได้ในต่างประเทศ จากนั้นโดนยึดทรัพย์ส่งตัวข้ามแดนไปรับโทษในประเทศจีนก็มี ถ้ามีการตรวจสอบแล้วว่าเป็นเงินจากการหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ หรือกาสิโนออนไลน์

ทั้งนี้ การเข้ามาของคนจีนหรือชาวต่างชาติในอีกรูปแบบที่น่ากลัว คือ การเข้ามาผ่านการสมรสทั้งในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์กันจริงจัง และแบบมีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งรูปแบบนี้ตรวจสอบได้ยาก และอาจจะช้าเกินไป เพราะเป็นการเข้ามาแบบระยะยาวไม่ได้รีบร้อนอะไรในช่วงแรกๆ แต่อาจจะมีบางรายที่แต่งงานแล้วมีการใช้เส้นสายจากคู่สมรสหรือเครือข่ายของคู่สมรสหรือใช้เงินเพื่อเปิดทางให้พวกเขาสามารถทำอะไรที่ชาวต่างชาติทำไม่ได้ในประเทศไทยซึ่งก็มีข่าวออกมาแล้วเช่นกันว่าโดนจับกุมไปแล้ว หรือแบบที่เข้ามารูปแบบของการแต่งงานแล้วอยู่ในประเทศไทยในฐานะคู่สมรสคนไทยแต่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ ต่อกัน แต่ต้องการอยู่ในประเทศไทยยาวๆ

อีกรูปแบบของการเข้ามาของกลุ่มคนจีน คือการหาคนไทยอุ้มท้องแทนเพื่อที่เด็กที่เป็นเชื้อสายของพวกเขาจะเกิดในประเทศไทยโดยคนไทย แล้วรอจนถึงเวลาจะเข้าไปรับมาอุปการะ จากนั้นใช้ชื่อลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญนี้ถือครองอสังหาริมทรัพย์แทนพวกเขา ซึ่งอาจจะต้องรอนานเกือบ 20 ปี แต่ก็ไม่ได้นานเกินกว่าจะรอได้ ซึ่งเรื่องนี้มีข่าวออกมาเป็นระยะเช่นกัน แม้ว่าการทำรูปแบบอุ้มบุญนี้ในประเทศไทยจะผิดกฎหมายก็ตาม แต่คุ้มค่าที่จะทำทั้งในฝั่งของผู้หญิงที่รับอุ้มบุญ และฝั่งของชาวต่างชาติ

รูปแบบของการเข้ามาของเงินทุนต่างชาติในรูปแบบที่ไม่ถูกต้องในปัจจุบันอาจจะทำได้ยาก และมีความสุ่มเสี่ยงที่จะโดนยึดทรัพย์และถูกจับกุมมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเข้ามาเลย อีกทั้งส่วนที่เข้ามาแล้วนั้นไม่น้อย ที่เป็นข่าวเรื่องการโดนจับกุมหรือตรวจสอบนั้นอาจจะเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นก็เป็นไปได้ เพราะประเทศไทยต้องการเงินจากต่างชาติเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจมานานแล้ว การเข้ามาของเงินลงทุนจากต่างชาติในหลายรูปแบบนั้น อาจจะตรวจสอบหรือว่าสกัดกั้นได้ยาก และ ที่น่าสนใจ คือ การเข้ามาของเงินทุนจากต่างชาติในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นเกิดขึ้นในช่วงที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเพื่อเอื้อต่อชาวต่างชาติเลย ซึ่งถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลงในสิทธิการถือครองคอนโดมิเนียม หรือการเช่าที่ดินในยาวนานกว่า 30 ปี อาจจะเป็นไปได้ที่การข้าวของของเงินลงทุนจากต่างชาติในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจจะมากขึ้น แต่เป็นจากการเข้ามาของกลุ่มผู้ประกอบการต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยตรงผ่านการร่วมทุนจากคนไทย หรือผู้ประกอบการไทยก็เป็นไปได้ในอนาคต และถ้าเกิดขึ้นแบบนั้นตลาดอสังหาฯ ของประเทศไทยคงไม่เหมือนตอนนี้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น