"วีพีพีดับเบิลยู" เผยเทกโอเวอร์ “ควอตโตร ดีไซน์” แตกไลน์ธุรกิจรุกตลาดเฟอร์นิเจอร์ -ของตกแต่งบ้าน เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ "EICHHOLTZ THAILAND" เจาะกลุ่มลักชัวรี และ "QD Selected" เจาะกลุ่มกลุ่มพรีเมียม ที่ชูจุดแข็งด้านดีไซน์แบบดัตช์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ตั้งเป้าเติบโตทางธุรกิจ 100% ภายใน 2 ปี หรือมียอดขาย 200-300 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาสู่ตลาดหัวเมืองสำคัญวางเป้า 3 ปีเปิดเพิ่ม 3-4 สาขา
น ส.พรนฎา นิวาตวงศ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท วีพีพีดับเบิลยู กล่าวว่า ภายหลังกลุ่มบริษัทบริษัท วีวีพีดับเบิลยู เข้าไปซื้อกิจการบริษัท ควอตโตร ดีไซน์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของของตกแต่งบ้าน เพื่อขยายไลน์ไปสู่ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน โดยในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวร้านสาขาในต่างจังหวัด และ กทม. รวม 3 สาขา โดยใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท
ล่าสุด ได้เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ "EICHHOLTZ THAILAND" และ "QD Selected" ซึ่งเป็นสินค้าเฟอร์นิเจอร์ และตกแต่งบ้านที่เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าที่มีความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบที่ครอบคลุมทุกด้าน ซึ่งเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตในรูปแบบหนึ่ง นอกเหนือจากแบรนด์ Vespa ที่บริษัทดำเนินการอยู่ โดยบริษัทเราเล็งเห็นโอกาสในกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจคุณภาพชีวิตและความสวยงาม รวมถึงแนวโน้มตลาดที่เริ่มจากที่อยู่อาศัยและการตกแต่งภายใน เราจึงเน้นสินค้าดีไซน์แบบดัตช์เป็นจุดแข็งในการทำตลาด
“เพื่อสร้างยอดขายและขยายตลาด บริษัทได้เปิดตัวร้านแฟลกชิป 2 แห่ง เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน คือ 1.EICHHOLTZ THAILAND : ร้านแฟลกชิปลักชัวรีแบรนด์สัญชาติดัตช์ บนพื้นที่ 900 ตารางเมตร ที่เอ แสควร์ สุขุมวิท 26 นำเสนอคอนเซ็ปต์ "คอมพลีทลักชูรี" ด้วยเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งระดับไฮเอนด์แบบครบวงจร มุ่งเน้นกลุ่ม Luxury ที่ และ 2.QD Selected ร้านไลฟ์สไตล์มัลติแบรนด์บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ตอบโจทย์กลุ่ม Affordable Premium ที่ชื่นชอบงานดีไซน์คุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Add Play To Space" QD Selected รวบรวมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งกว่า 3,000 รายการ”
ด้วยวิสัยทัศน์ในการขยายตลาดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ บริษัทมีแผนขยาย QD Selected เป็น 6 สาขาภายในระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะเปิดตัวในต่างจังหวัด 1 สาขา และใน กทม.อีก 2 สาขา โดยการขยายสาขานี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในตลาด Affordable Premium และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด โดยตั้งเป้าว่าใน 2-3 ปีจากนี้จะมีอัตราการเติบโตรายได้ 100% หรือมียอดขายประมาณ 200-300 ล้านบาท