xs
xsm
sm
md
lg

ผุด “LIV-24” ปั้น Solutions เจาะโรงงาน ชู AI ผสานผู้เชี่ยวชาญลดเสี่ยงธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นิรมล ดิเรกมหามงคล
“พลัส พร็อพเพอร์ตี” เปิดตัว “LIV-24” มุ่งสู่การเป็น Solutions for Industrial ต่อยอดพัฒนา Industrial Technology ครบวงจร ชูจุดเด่นใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้าประสบการณ์มนุษย์ ช่วยประเมินความเสี่ยงของธุรกิจ พร้อมออกแบบโซลูชันตอบโจทย์แต่ละธุรกิจเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน มั่นใจปีนี้รายได้ 165 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 68 รายได้โตกระฉูด 82% หนุนรายได้แตะ 300 ล้านบาท

น ส.นิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด (LIV-24) กล่าวว่า LIV-24 ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่างบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อให้บริการด้านเทคโนโลยีและโซลูชันรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ครบวงจรให้ธุรกิจทุกขนาด ครอบคลุมตั้งแต่ที่อยู่อาศัยบ้าน และคอนโดฯ ในโครงการแสนสิริ โครงการเพื่อการพาณิชย์ และโครงการระดับอุตสาหกรรม รวมทั้งสิ้นกว่า 500,000 เคส 130 โครงการทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม มิกซ์ยูสโครงการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอาคารสำนักงาน โดยปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้พอร์ตที่ดูแลรวมกัน 300,000 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีต่อเนื่อง

จากแนวโน้มการขยายตัวของผลประกอบการ LIV-24 ที่สอดคล้องไปกับการเพิ่มขึ้นของดีมานด์ดิจิทัลในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการสร้างนิวเอสเคิร์ฟให้กลุ่ม ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ของ LIV-24 ในปีก่อนหน้าอยู่ที่ 65.3 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น165 ล้านบาท จากการให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชันรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ครบวงจร โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน 80% และกลุ่มคอมเมอร์เชียลและโรงงานอุตสาหกรรม 20% ขณะที่ในปี 68 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้โต 82% หรือมีรายได้รวม 300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากกลุ่ม กลุ่มที่อยู่อาศัยและอาคารสำนักงาน 70% และกลุ่มคอมเมอร์เชียล และโรงงานอุตสาหกรรม 30%

ทั้งนี้ ในปี 67 นี้ บริษัทได้ Spin-Off ตั้งเป็นบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท LIV-24 ซึ่งมุ่งสู่การเป็น Solutions for Industrial ทำการพัฒนา Industrial Technology ครบวงจร ที่มีจุดเด่นเรื่องการใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ ซึ่งจะประเมินความเสี่ยงของธุรกิจเพื่อออกแบบโซลูชันที่เหมาะสมสําหรับธุรกิจ โดยเชื่อมต่อระบบต่างๆ เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบไฟฟ้า นํ้า เครื่องจักรต่างๆ เข้าสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Command Centre) ที่สามารถดูแลแบบ Real Time 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน

สำหรับ INDUSTRIAL TECHNOLOGY ที่ใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจย์กับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะตรวจจับความผิดปกติ การดูแลระบบ เครื่องจักรต่างๆ ระบบขนส่ง การจัดการน้ำเสีย และการจัดการพลังงาน โดยมีการเชื่อมต่อเข้าสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Command Centre) ที่สามารถดูแลแบบ Real-Time ตลอด 7 วัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้โรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดเวลาที่เสียไปและเพิ่มผลผลิต เพิ่มความปลอดภัย ด้วยระบบตรวจจับและเตือนภัยอัจฉริยะ 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ลดต้นทุนในการใช้พลังงานช่วยดูแลรักษาอุปกรณ์ และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน ส่งผลให้ลดต้นทุนรวมของธุรกิจได้มากถึง 20%


กำลังโหลดความคิดเห็น