xs
xsm
sm
md
lg

ประชาชนลงทุน “วายุภักษ์” เท่าใด / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กองทุนวายุภักษ์จะเริ่มนำเงิน 150,000 ล้านบาท ลงทุนในลาดหลักทรัพย์ วันอังคารที่ 1 ตุลาคมนี้แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขว่ายอดจองซื้อหน่วยลงทุนของนักลงทุนประเภท ก.หรือประชนทั่วไปนั้นมีจำนวนเท่าไหร่

หน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ที่นำมาจัดสรรให้ประชานทั่วไป กำหนดวงเงินได้ 30,000-50,000 ล้านบาท โดยก่อนเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 16-20 กันยายนที่ผ่านมา กระแสความสนใจของประชาชนดูเหมือนจะแรงมาก เพราะสื่อมวลชนประโคมข่าวกันอย่างครึกโครม

จนมีเสียงจากผู้รับผิดชอบว่า อาจขยายวงเงินขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนเพิ่มเติม หากจองซื้อเข้ามาล้นหลามเกิน 50,000 ล้านบาท

ผลตอบแทนที่กำหนดขั้นต่ำปีละ 3% และขั้นสูงสุดไม่เกิน 9% ต่อปี โดยจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง ขณะที่เงินต้น 10 บาท จะมีระบบบริหารจัดการที่ทำให้เชื่อได้ว่า เมื่อครบ 10 ปี ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวน

แต่มีโอกาสอยู่เหมือนกันที่จะได้รับคืนเงินต้นไม่เต็มจำนวน หากมูลค่าหน่วยลงทุนสุทธิต่ำกว่ามูลค่าในวันที่จัดตั้งกองทุนหรือต่ำกว่า 10 บาท

เงื่อนไขผลตอบแทนและการวางระบบเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่าจะได้รับคืนเงินต้นเต็มจำนวนเมื่อลงทุนครบ 10 ปี ทำให้ทุกฝ่ายคาดหมายว่า กองทุนวายุภักษ์จะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้มหลาม จองซื้อกันอย่างท่วมท้น

กองทุนวายุภักษ์ปิดการจองซื้อเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่ายอดจองซื้อหน่วยลงทุนเกินโควตาที่จัดสรร โดยมียอดจองซื้อหน่วยลงทุนทั้งสิ้น 190,000 ล้านบาท มียอดจองเกิน 40,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจองซื้อของนักลงทุนประเภท ข. หรือนักลงทุนสถาบัน เช่น บริษัทประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญ หรือกองทุนประกันสังคม จึงต้องคืนเงินส่วนเกินกลับไป 40,000 ล้านบาท

ส่วนการจองซื้อของประชาชน ซึ่งกำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท โดยไม่กำหนดเพดานจองขั้นสูงสุด โดยจะจองซื้อ 10 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาทก็ได้ ปรากฏว่า ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลยอดจองซื้อ

เพียงแต่ประกาศให้สาธารณชนรับรู้ว่า ประชาชนที่จองซื้อหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ได้รับการจัดสรรทุกคนและทุกจำนวน โดยไม่ต้องใช้ระบบการจองซื้อน้อยได้รับการจัดสรรก่อน

แน่นอนว่า ประชาชนจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท หรืออาจไม่ถึง 30,000 ล้านบาทเสียด้วยซ้ำ ซึ่งน้อยเกินความคาดหมาย

ถ้าประชาชนจองซื้อวายุภักษ์ล้นหลาม ป่านนี้กระทรวงการคลังคงตีฆ้องร้องป่าว ประกาศยอดจองซื้อ เพื่อกระพือผลสำเร็จของวายุภักษ์แล้ว

แต่จนบัดนี้ยังไม่ยอมเปิดข้อมูลการลงทุนในวายุภักษ์ของประชาชน ซึ่งน่าจะคาดเดาได้ว่า ยอดจองซื้อของประชาชนน้อยมาก น้อยจนรัฐบาลไม่อาจไปสร้างราคาคุยถึงความตื่นตัวของประชาชนในกองทุนนยักษ์ที่ก่อตั้งขึ้นมาพยุงตลาดหุ้นได้

ถ้าประชาชนลงทุนในวายุภักษ์ต่ำกว่าคาด คงมีคำถามว่า เป็นเพราะเหตุใด ซึ่งมีสมมติฐาน 2 ประการคือ ขาดความมั่นใจว่า จะได้รับผลตอบแทนขั้นต่ำปีละ 3% จริง กลัวว่า เมื่อครบ 10 ปี จะไม่ได้รับคืนเงินต้นครบถ้วน จึงกังวลในความเสี่ยง และเลือกที่จะไม่ลงทุน

อีกสาเหตุคือ สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาอย่างหนัก แนวโน้มคนตกงานมากขึ้น รายได้ไม่เพียงพอการใช้จ่าย และเงินที่มีอยู่ต้องสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน จึงไม่มีเงินออมสำรองเพียงพอที่จะลงทุนในวายุภักษ์

เบื้องหลังที่กองทุนวายุภักษ์ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหมายในการเสนอขายหน่วยลงทุนให้ประชาชน เป็นสิ่งที่น่าวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง

เพราะถ้าประชาชนไม่จองซื้อเพราะกลัวความเสี่ยง เป็นประเด็นที่กระทรวงการคลังต้องทบทวนเงื่อนไขผลตอบแทนและการคุ้มครองเงินต้นของวายุภักษ์ หากอนาคตมีการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์หรือกองทุนอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน

แต่ถ้าวายุภักษ์ขายฝืด เพราะประชาชนไม่มีสตางค์ หมดเงินออมสำรองเพื่อลงทุน เป็นสิ่งที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะต้องพิจารณาปัญหาความฝืดเคือง ซึ่งอาจกระจายออกไปในหมู่ประชาชนวงกว้าง

แม้แต้การลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งออกแบบมาอย่างดี ผลตอบแทนจูงใจ และความเสี่ยงไม้ได้รับเงินต้นคืนมีน้อยมาก

แต่เศรษฐกิจที่ทรุดหนัก ปัญหาค่าครองชีพที่บีบรัด และไม่มีเงินออม ประชาชนจึงต้องหันหลังให้กองทุนวายุภักษ์








กำลังโหลดความคิดเห็น