ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร บริษัท ณุศาศิริ รวม 6 รายต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ในความผิดร้ายแรงมากมายหลายข้อหา และส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) สอบสวนตามมูลฐานความผิดฟอกเงิน
การกล่าวโทษเกิดจากการซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาไม่สมเหตุสมผล การขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน การผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด การแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือ ก.ล.ต. และผู้สอบบัญชี
ก.ล.ต.พบพยานหลักฐานที่แสดงได้ว่า ในช่วงปี 2563 กรรมการและผู้บริหาร NUSA รวม 4 ราย ประกอบด้วย นางศิริญา เทพเจริญ นายวิษณุ เทพเจริญ นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ และนายนนทวัชร์ ธนสุวิวัฒน์ ได้ร่วมกันทุจริตลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล
และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย
น.ส.วรินภร จันทรโรจน์วานิช ซึ่งเป็นผู้ขายโรงแรม Panacee และนางโฉมสุดา รุ่งเรืองเนาวรัตน์ กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทผู้ซื้อห้องชุดจาก NUSA เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความผิด
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า เงินมัดจำค่าซื้อโรงแรมที่ NUSA ชำระให้แก่น.ส.วรินภร ผู้ขายโรงแรม ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีของผู้ขาย แต่กลุ่มกรรมการและผู้บริหาร NUSA คือ นางศิริญา นายวิษณุ และนายนนทวัชร์ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดเป็นผู้ได้รับประโยชน์ของเงินขายโรงแรม
นอกจากนั้น ในชั้นการทำคำชี้แจงต่อ ก.ล.ต. กรรมการและผู้บริหารของ NUSA ในขณะกระทำผิดทั้ง 4 ราย ได้นำส่งพยานหลักฐานเอกสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเป็นเท็จ
เพื่อลวงไม่ให้ ก.ล.ต. ทราบมูลค่าที่แท้จริงและตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว
NUSA เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีข่าวฉาวโฉ่อย่างต่อเนื่องช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ถูก ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ สั่งให้ชี้แจงข้อมูลในหลายธุรกรรมที่ถูกตั้งข้อสงสัยในความไม่โปร่งใส ขณะที่ผลประกอบการขาดทุนมายาวนาน แต่ราคาหุ้นในบางช่วงกลับถูกลากขึ้นสวนทาง
ปัจจุบัน กลุ่มนายประเดช กิตติอิสรานนท์ เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ครองอำนาจบริหาร NUSA เบ็ดเสร็จ หลังจากขจัดคู่ขัดแย้งกลุ่ม "เทพเจริญ" พ้นจากการเป็นกรรมกรรม
นายประเดช NUSA ใช้เป็นกลไกควบคุมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH โดยให้ NUSA เข้าไปถือหุ้น แต่ยังมีข้อพิพาทกับ นายณพ ณรงค์เดช ผู้ถือหุ้นใหญ่ WEH อีกกลุ่มที่มีคดีฟ้องร้องกันมากมาย
การกล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหาร NUSA ครั้งนี้ มีแต่กลุ่ม “เทพเจริญ” เท่านั้นที่ติดร่างแห กลุ่มนายประเดชไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
แต่ปมธุรกรรมที่ต้องสงสัยใน NUSA ซึ่งก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์เคยสั่งให้บริษัทชี้แจงยังมีอีกหลายประเด็น ซึ่งการตรวจสอบและสอบสวนกลุ่มคนที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุนรายย่อยอาจไม่จบที่การผ่องถ่ายเงินซื้อโรงแรมในเยอรมนีเท่านั้น
เพราะอาจมีคดีอื่นที่ยังซุกซ่อนใน NUSA และไม่ใช่คดีของกลุ่ม “เทพเจริญ”
แม้ผลประกอบการ NUSA จะทรุดมาตลอด แต่ราคาหุ้น NUSA กลับเคลื่อนไหวหวือหวาในบางช่วง ซึ่งไม่รู้ว่ามีนักลงทุนขาใหญ่ที่ไหนเข้ามาลากราคาหรือไม่
ปัญหาของ NUSA ที่น่าเป็นห่วงคือ ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 1 หมื่นชีวิต ที่ติดหุ้นต้นทุนสูง และไม่เห็นความหวังว่า หุ้นตัวนี้จะฟื้น
และไม่มีใครรู้ว่า ภายใน NUSA ยังฝังกลบปมอะไรไว้อีกหรือไม่ แต่ NUSA ก็เป็นเพียงบริษัทจดทะเบียนแห่หนึ่งเท่านั้นที่ผู้บริหารบริษัทตั้งแก๊งปล้นเงินผู้ถือหุ้น
ยังมีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนอีกนับสิบๆบริษัทที่เปิดปฏิบัติการไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินของผู้ถือหุ้นรายย่อย
เพียงแต่ ก.ล.ต.จะลากคอผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ทรยศหักหลังผู้ถือหุ้นรายย่อยมาติดคุกได้หมดหรือไม่เท่านั้น