บมจ.สกิลเลน เทคโนโลยี (SKILL) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 15,000,000 หุ้น คิดเป็น 15.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทโดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้
1.เพื่อใช้สำหรับพัฒนาแพลตฟอร์มของบริษัท และการพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)
2.เพื่อใช้สำหรับการขยายธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา (SkillLane Innovation)
3.เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
SKILL ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีด้านการศึกษา (Education Technology: EdTech) ของประเทศไทย ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการสร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาวิธีการเรียนรู้ใหม่ๆ ผ่านการให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาหลักสูตรการเรียนออนไลน์ (Content) แพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ (Platform) และการให้บริการที่ปรึกษาการเรียนออนไลน์ (Service) โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเองได้อย่างสะดวกโดยปราศจากข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ เพื่อเพิ่มศักยภาพของตนเองและบรรลุเป้าหมายของแต่ละช่วงในชีวิตได้ นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา โดยให้บริการแก่หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
บริษัทประกอบธุรกิจ 2 ประเภท ได้แก่
1.ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการ 3 ประเภท ได้แก่
(1.1) SkillLane for Public แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับบุคคลทั่วไป
(1.2) SkillLane for Business แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับองค์กร
(1.3) SkillLane for Online Degrees แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สำหรับปริญญาออนไลน์
2.ธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา (SkillLane Innovation)
ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนของปี 67 บริษัทมีรายได้หลักมาจากกการให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร อยู่ที่ 107.68 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 68.43% และรายได้จากการให้คำปรึกษาและพัฒนานวัตกรรมด้านการศึกษา (SkillLane Innovation) ที่ 49.07 ล้านบาท คิดเป็น 31.19% ที่เหลือเป็นรายได้อื่น ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 18.20 ล้านบาท
ขณะที่มีโครงสร้างรายได้ในปี 64-66 จากการให้บริการแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แบบครบวงจร อยู่ที่ 210.68 ล้านบาท, 220.11 ล้านบาท และ 235.59 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิที่ 16.40 ล้านบาท, 24.14 ล้านบาท และ 30.70 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 3 อันดับแรก ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 ประกอบด้วย
ก่อนเสนอขาย หลังเสนอขาย
1.กลุ่มครอบครัวพิสิฐวุฒินันท์ ถือหุ้นในสัดส่วน 27.91% ถือหุ้นในสัดส่วน 23.73%
2.กลุ่มครอบครัวอัศวรุจิกุล ถือหุ้นในสัดส่วน 26.79% ถือหุ้นในสัดส่วน 22.78%
3.กลุ่มครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ถือหุ้นในสัดส่วน 16.79% ถือหุ้นในสัดส่วน 14.27%