ไบแนนซ์ ออกแถลงการณ์ หลังบรรลุข้อตกลงด้านกฎระเบียบด้วยการลงทะเบียนกับ Financial Intelligence Unit ของอินเดีย (FIU-IND) เพื่อให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศอินเดีย
ไบแนนซ์ออกประกาศว่า การลงทะเบียนนี้ทำให้ไบแนนซ์จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของเขตอำนาจศาล 19 แห่งซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลใดๆ ก็ตาม ซึ่งตลาดแลกเปลี่ยนมองว่าการลงทะเบียนเหล่านี้เป็นหลักฐานของความมุ่งมั่นต่อมาตรฐานต่อต้านการฟอกเงิน (AML) และการสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ
ด้านริชาร์ด เทง ซีอีโอของไบแนนซ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการลงทะเบียนกับตลาดอินเดีย โดยระบุว่าการจัดแนวทางกำกับดูแลดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถให้บริการผู้ใช้ในอินเดียได้ดีขึ้น
“ความมุ่งมั่นของเราในการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดถือเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจของเรา ซึ่งก็คือการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ” เทง กล่าว
ทั้งนี้จากข้อมูลของ Chainalysis ระบุว่าอินเดียอยู่ใน 5 ประเทศที่มีการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้มากที่สุด ประเทศนี้มีปริมาณธุรกรรมจำนวนมากทั้งในระบบแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์และแบบกระจายอำนาจ โปรโตคอลการให้กู้ยืม และสัญญาอัจฉริยะของโทเค็น
ความพร้อมให้บริการผ่าน App Store และ Google Play Store
ภายหลังจากลงทะเบียนกับทาง FIU-IND ซึ่งเป็นหน่วยงานของอินเดีย ทางไบแนนซ์ได้ประกาศว่าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของตนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแก่ผู้ใช้ในอินเดียแล้ว โดยผู้ที่ชื่นชอบคริปโตชาวอินเดียหลายคนได้ยืนยันบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X แล้วว่าแอปพลิเคชั่นไบแนนซ์พร้อมให้บริการบน Google Play Store และ Apple App Store ของอินเดียอีกครั้ง หลังจากที่หยุดให้บริการไปเป็นเวลานานกว่า 7 เดือน
โดยย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2567 หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของอินเดียได้ปิดกั้นเว็บไซต์และแอปมือถือของไบแนนซ์ รวมถึงการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลอีก 8 แห่ง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายในท้องถิ่น ต่อมาในเดือนมิถุนายน มีรายงานว่า FIU ได้ปรับไบแนนซ์เป็นเงิน 2.2 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงินของประเทศ
ทั้งนี้ไม่ชัดเจนว่าบริษัทได้จ่ายค่าปรับนี้ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการในประเทศในเอเชียแห่งนี้หรือไม่
ในขณะเดียวกันไบแนนซ์ ยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านภาษี ที่สำคัญในอินเดีย ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ CryptoSlate รายงานว่าสำนักงานข่าวกรองภาษีสินค้าและบริการ (DGGI) เรียกร้องเงิน 722 ล้านรูปีอินเดีย (86 ล้านดอลลาร์) จากบริษัทเนื่องจากภาษีสินค้าและบริการ (GST) ที่ค้างชำระ
