“ซีเอ็มโอ” (CMO) เปิดผลประกอบการ 6 เดือนแรก กวาดรายได้ 612 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน ขณะที่ผลงานไตรมาส 2/67 ยังดีต่อเนื่อง ทำรายได้ 349 ล้านบาท “นายมงคล ศีลธรรมพิทักษ์” มองครึ่งปีหลังทิศทางตลาดอีเวนต์ยังโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาด ให้บริการครบวงจรยิ่งขึ้น ลุ้นประมูลงานใหม่ทั้งใน-ต่างประเทศ มั่นใจรายได้สิ้นปีเข้าเป้า 1.2-1.5 พันล้านบาท พร้อมโชว์ Backlog ประมาณ 800 ล้านบาท รอรับรู้รายได้ภายในปีนี้
นายมงคล ศีลธรรมพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO ผู้ดำเนินธุรกิจสร้างสรรค์บริหารจัดการงานอีเวนต์ นิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ งานประชุมสัมมนา คอนเสิร์ต และเฟสติวัล เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม-มิถุนายน 2567) ว่ากลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 612.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.22 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 557.33 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 61.29 ล้านบาท ลดลง 81.78 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 57% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีขาดทุนสุทธิ 143.07 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 2 ของปี 2567 (เมษายน-มิถุนายน 2567) บริษัทมีรายได้ 349.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน ซึ่งมีรายได้ 242.96 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 12.06 ล้านบาท ลดลง 81% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทมีขาดทุนสุทธิ 62.56 ล้านบาท
“ยอดขายในครึ่งปีแรกถือว่าเป็นผลงานที่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 มียอดขายสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนถึง 44% ซึ่งปกติไตรมาส 2 ของทุกปี จะเป็นช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจอีเวนต์ แต่จะเห็นว่าในปีนี้บริษัททำผลงานได้ดีมาจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในหลายๆ ด้าน เช่น เพิ่มทีมอีเวนต์ในการขยายงาน มีบริการให้เช่าพื้นที่สำนักงานในการถ่ายละคร ภาพยนตร์ สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ตลอดจนบริหารลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่อย่างไรก็ดี ถึงแม้บริษัทจะยังมีขาดทุนสะสม แต่เป็นจำนวนที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งด้วยการปรับกลยุทธ์บริหารงานในทุกส่วนนี้ จะส่งผลให้ปีนี้เป็นปีที่ CMO จะเริ่มฟื้นตัวและพลิกกลับมามีกำไร ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ภายในสิ้นปีนี้ มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าในปีนี้รายได้มีโอกาสจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท” นายมงคล กล่าว
อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีของธุรกิจอีเวนต์มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจอีเวนต์ในประเทศยังตื่นตัว จะเห็นว่ามีบริษัทเอกชนใช้งบการตลาดเพื่อทำแคมเปญต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ในส่วนของบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามที่ได้วางไว้ คือ การรักษาความเป็นผู้นำด้านธุรกิจอีเวนต์ รวมถึงพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่เข้ากับเทรนด์และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้จัดงานให้อย่างต่อเนื่องครอบคลุมแทบทุกเซกเมนต์
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเป็นบริษัทเอกชน 80% ส่วนภาครัฐ 20% โดยผลงานที่น่าสนใจในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เช่น งานนิทรรศการ “Hirono Bangkok Art Exhibition and Event” ของ POP MART Thailand โครงการ Huawei Digital Bus 2024 งานพาวิลเลี่ยนของไทยประกันชีวิต ในงาน Thailand Smart Money งานเปิดตัวสมาร์ทโฟน OPPO Reno12 Series 5G งานคอนเสิร์ตฉลอง 73 ปี กรุงเทพประกันชีวิต งานประชุมดีลเลอร์ Mazda Dealer National เป็นต้น ตลอดจนงานในกลุ่มพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ นิทรรศการชุดใหม่ Elextrosphere โลกใหม่ Right Carbon ของศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง และโครงการก่อสร้างปรับปรุงอาคารนิทรรศการและบริการทางการศึกษา ของหน่วยงานกรมส่งเสริมวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มงาน Entertainment ที่กลุ่มบริษัทเป็นซักพลายด้านระบบภาพแสงและเสียง ทั้งในงานคอนเสิร์ต แฟนมีตติ้งศิลปิน ตลอดจนงานอีเวนต์รูปแบบการแข่งขันกีฬา ที่ปัจจุบันมีการหันมาใช้โปรดักชันเพิ่มมากขึ้น เพื่อสร้างสีสันและความสนุก
สำหรับกรณีที่บริษัทได้นำส่งงบการเงินระหว่างกาล สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ของบริษัท และบริษัทย่อย ซึ่งผู้สอบบัญชีสอบทานโดยไม่ให้ข้อสรุป ด้วยเหตุที่ได้พิจารณาถึงสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความไม่แน่นอนต่อความสามารถในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง (Going Concern) ของกลุ่มบริษัท ซึ่งไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแนวทางนโยบายมาตรการในการรักษาระดับของกระแสเงินสดสำหรับการจ่ายชำระหนี้สินและใช้ในการดำเนินงานไว้อยู่แล้ว ขอให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นได้ว่า บริษัทมีศักยภาพในการดำเนินงาน ขับเคลื่อนบริษัทไปสู่เป้าหมายที่วางไว้