ผู้ส่งออกและนำเข้าช็อก NT ประกาศอัตราค่าใช้บริการ NSW ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นมาก ผู้ประกอบการรุมค้าน หวั่นกระทบส่งออกไทย พร้อมยื่นหนังสือถึง “นายกฯ เศรษฐา” ขอความเป็นธรรมเสนอยกเลิกผูกขาด
นางกอบกาญจนา วีระพงษ์ประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการนำเข้า ส่งออกสินค้ากลุ่มโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการตัวแทนออกของ ผู้ประกอบการสินค้าเร่งด่วน (e- Express) ทั้งทางอากาศและทางบก รวมถึงผู้ประกอบการคลังสินค้าทางอากาศยาน (Air Port Terminal Operator) ทั้งรายใหญ่และรายย่อยมากกว่า 65% ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการกำหนดอัตราค่าบริการระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ (G2G, G2B และ B2B) สำหรับการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ หรือ NSW ตามประกาศของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก ขณะที่ผู้ประกอบการหลายฝ่ายได้ร่วมมือกัน รวบรวมปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ จากสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน เฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัวดี ได้ขอให้ตัวแทนยื่นหนังสือถึงรัฐบาล
ดังนั้น เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 บริษัทเน็ตเบย์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบการได้ยื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อขอความเป็นธรรมจากกรณีที่ NT กำหนดอัตราค่าบริการธุรกรรมแต่ละประเภททำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระต้นทุนสูงขึ้น เช่น ประเภทธุรกรรมสำคัญ สำหรับผู้ประกอบการสินค้าเร่งด่วน (e-Express) ที่มีอัตราค่าบริการสูงเกินไป อีกทั้งรูปแบบการคิดค่าบริการไม่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้นมาก และการดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่การให้บริการกลับไม่ได้คุณภาพ และการพัฒนาระบบบริการอื่นๆ ที่จำเป็นอีกหลายบริการยังไม่พัฒนาให้เสร็จสิ้น ไม่มีความก้าวหน้ากว่าที่กรมศุลกากรเคยดูแล อีกทั้ง NT ยังผูกขาดในการให้บริการผ่านระบบ NSW แต่เพียงรายเดียว ผู้ประกอบการต้องแบกรับความเสี่ยงหากเกิดปัญหาระบบล่ม ธุรกิจต้องหยุดชะงักทำให้เกิดความเสียหาย จึงควรยกเลิกการผูกขาด Gateway โดยเปิดให้แข่งขันอย่างเสรีเพื่อให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริการ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับกรมศุลกากรได้โดยตรง
ในหนังสือที่ส่งถึงรัฐบาล บริษัทเน็ตเบย์ ได้แนบผลสำรวจความเห็นของผู้ประกอบการ เรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการระบบ NSW ของ NT โดยได้รับการตอบกลับจำนวน 289 บริษัท มีผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยกับการกำหนดอัตราค่าบริการระบบ NSW จำนวน 284 บริษัท คิดเป็น 98% ส่วนที่เห็นด้วยกับการกำหนดอัตราค่าบริการระบบ NSW มีเพียง 5 บริษัทซึ่งเป็นรายย่อย
“สำหรับบริษัทเน็ตเบย์ที่เป็นตัวแทนในการยื่นหนังสือในฐานะเป็น Gatekeeper ดูแลระบบในการให้บริการและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ตั้งแต่การเชื่อมโยงระบบ NSW อยู่แล้ว และไม่มีการจัดเก็บค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมในการดูแลระบบมากกว่า 10 ปี กระทั่งกรมศุลกากรได้โอนระบบให้ NT เป็นผู้ดูแลแต่เพียงรายเดียว การพัฒนาบริการอื่นที่จำเป็นตามการมอบหมายของกรมศุลกากรยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ผู้ประกอบการไม่ได้รับความสะดวกในการทำธุรกรรมสำคัญได้อย่างครบถ้วนในคราวเดียว ผู้ประกอบการได้กล่าวให้ความเห็นว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีเมื่อครั้งที่กรมศุลกากรเคยดูแล
นางกอบกาญจนา กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณนายกฯ เศรษฐา กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และได้ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมาโดยตลอด
แหล่งข่าวระดับสูงจากกลุ่มผู้ประกอบการ สินค้าเร่งด่วน (e-Express) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบและเดือดร้อนอันเนื่องจากการประกาศอัตราค่าบริการ NSW ของ NT อย่างมาก เพราะในการทำธุรกิจต้องมีสัญญาระหว่างกันมีการคำนวณต้นทุนค่าใช้ที่จ่ายชัดเจนผู้ประกอบการจึงจะสามารถทำธุรกิจได้ แต่อยู่ๆ กลับมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หรือลำบากขึ้น ประกาศดังกล่าวไม่ได้กระทบแค่ผู้ประกอบการ แต่อาจจะกระทบความเชื่อมั่นของประเทศอีกด้วย
“รัฐชอบมองว่าผู้ประกอบการต้องมีแผนรองรับ แต่กลับลืมคิดไปว่า ภาครัฐมีหน้าที่ให้การสนับสนุนและกำกับ วางแผนเพื่อให้ต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศลดลง ไม่ใช่ปล่อยให้หน่วยงานรัฐจะออกระเบียบหรือประกาศ หรือคิดถึงผลประโยชน์ตัวเอง โดยให้ผู้ประกอบการเป็นผู้รับภาระ หรือแก้ปัญหาเอง จึงทำให้เติบโตช้าและล้าหลัง
อยากให้ภาครัฐคิดให้รอบคอบก่อนออกมาตรการหรือระเบียบอะไรออกมา และเตรียมทางออกต่างๆ ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวจากกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าเร่งด่วนทางอากาศยาน เปิดเผยว่า ประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัทมาก หากต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจะทำให้มีผลกระทบกับลูกค้าผู้นำเข้าและส่งออกสินค้า และยอดการส่งออกอาจลดลงตามไปด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันการส่งออกเป็นการทำรายได้เข้าประเทศ
ส่วนใหญ่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะส่งเสริมการส่งออกด้วยการยกเว้นค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น บีโอไอ ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีต่างๆ เช่น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี (ขึ้นกับประเภทกิจการและเงื่อนไข) ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% อีก 5 ปี (เฉพาะเขตส่งเสริมการลงทุน) ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบเพื่อการส่งออกอื่นๆ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ
“สภาพเศรษฐกิจทุกวันนี้ คิดว่าผู้ประกอบการไม่พร้อมจะชำระค่าบริการเพิ่มเติม ดังนั้นคิดว่าทาง NT น่าจะมีทางออกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวมของประเทศ” แหล่งข่าวกล่าว