หุ้นไทยหมดแรงฟื้นปิด -6.50 จุด ไม่สามารถยืนเหนือ 1300 จุดได้ นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยร่วงแรงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก จากแรงกระชากหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของโลกซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐที่ประกาศงบผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด ฉุดความเชื่อมั่นการลงทุน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงเกี่ยวเนื่องการพิจารณาคดีคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 14 ส.ค.นี้ จะหลุดเก้าอี้หรือไม่ ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้มองกรอบแนวรับที่ 1,280 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,300 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 25 ก.ค. 2567 ปรับตัวลดลง - 6.50 จุด หรือ -0.50% โดยปิดตลาดที่ 1,291.58 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,128.34 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวในทิศทางลงตลอดทั้งวันตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายในภาคเช้าจนกระทั่งปิดตลาด โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,295.88 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,288.22 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 39 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 179 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 340 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า +769.49 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -225.23 ล้านบาท บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -139.02 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -405.24 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,905.66 ล้านบาท ปิดที่ 91.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,743.13 ล้านบาท ปิดที่ 57.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.FM มูลค่าการซื้อขาย 1,420.46 ล้านบาท ปิดที่ 4.16 บาท ลดลง 1.24 บาท
4.TOP มูลค่าการซื้อขาย 876.86 ล้านบาท ปิดที่ 51.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 855.66 ล้านบาท ปิดที่ 223.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.TISCO ปิดที่ 92.75บาท เพิ่มขึ้น 1.25บาท หรือ 1.37%
2.CPALL ปิดที่ 57.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 1.79%
3.PTTEP ปิดที่ 144.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.70%
4.ADVANC ปิดที่ 223.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.45%
5.SCCปิดที่ 225.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาทหรือ 0.45%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 241.00บาท ลดลง 5.00บาท หรือ 2.03%
2.EGCO ปิดที่ 98.25บาท ลดลง 2.25บาท หรือ 2.24%
3.CBG ปิดที่ 65.00บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 2.26%
4.SAPPE ปิดที่ 88.25บาท ลดลง 1.50บาท หรือ 1.67%
5.BCP ปิดที่ 32.75บาท ลดลง 1.25บาท หรือ 3.68%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,768.73 จุด ลดลง -6.96 จุด หรือ -0.39% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 810.88 จุด ลดลง -2.34 จุด หรือ -0.29% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 324.15 จุด ลดลง -4.08 จุด หรือ -1.24%
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ถูกกดดันจากผลดำเนินงานของบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่ออกมาไม่ค่อยดี
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ นักลงทุนกังวลผลการพิจารณาคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน ยังต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 14 ส.ค.นี้ รวมทั้งได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการกลุ่มแบงก์ในรายละเอียดยังไม่ค่อยดี ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยหนุน
"แนวโน้มพรุ่งนี้คาดตลาดแกว่งในกรอบ ระยะสั้นติดตามบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 และติดตามการเมืองในประเทศ โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด" นายสรพล กล่าวทิ้งท้าย