นายฉี ชิง ฟู่ กลุ่มธุรกิจกิจเงินแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHFG) เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปีธนาคารยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายสินเชื่อเติบโตที่ระดับ 8-10% จากครึ่งปีแรกที่เติบโตได้ 1.8% โดยมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังจะมีปัจจัยหนุนจากมาตรการภาครัฐมาช่วยหนุน ขณะที่สินเชื่อของกลุ่มธุรกิจที่ธนาคารให้ความสำคัญยังคงเติบโตได้ดี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป ขณะที่แนวโน้มสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีความเป็นไปได้ที่ลดลงจากปัจจุบันที่ 3% หลังจากบริษัทต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจมากขึ้นทำให้มีศักยภาพในการชำระหนี้ที่ดีขึ้น
ขณะที่กลยุทธ์ของธนาคารจะเน้นขยายในกลุ่มที่มียังสามารถเติบโตได้อยู่ และมีผลตอบแทนสูงต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกไม่ว่าจะเป็นเอสเอ็มอี (รายได้ 50-500 ล้านบาทต่อปี) กลุ่มธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ และ Global Technology โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินเชื่อบ้านที่เติบโตประมาณ 15% ในครึ่งปีแรกโดยใช้แนวทางร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ขณะที่ลูกค้าของธนาคารส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้ 50,000 บาทต่อเดือนจึงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ที่ยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัว และการลงทุนโดยตรงที่จะเข้ามาหากเกิดกรณีสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น และ Sustainable Finance โดยมีเป้าหมายช่วยลูกค้าสู่การเปลี่ยนถ่ายไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วปัจจัยที่ยังต้องติดตามในครึ่งปีหลังยังคงเป็นปัจจัยที่สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลกไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ สงครามการค้าที่จะรุนแรงขึ้น การเลือกตั้งในหลายประเทศที่จะทำให้ขั้วการเมือง-นโยบายที่เปลี่ยนแปลง และปัจจัยเฉพาะภายในประเทศเองอย่างหนี้ครัวเรือนที่สูงจะกดดันภาคการบริโภค และเศรษฐกิจจีนที่ยังมีปัญหาเชิงโครงสร้าง
"แนวโน้มเอ็นพีแอลของระบบยังมีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากสินเชื่อทึ่ยังโตได้น้อย และเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวในอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่าเดิม แต่ในส่วนของธนาคารประเมินจากจำนวนผู้เข้ามาขอความช่วยเหลือที่มีไม่มากแล้วน่าจะทำให้เอ็นพีแอลของเราต่ำกว่า 3% ซึ่งหากเอ็นพีแอลต่ำลง การกันสำรองน่าจะลดลงตาม และในท้ายที่สุดหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนจะทำให้กำไรของธนาคารกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย"
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2567 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 25.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการดำเนินงานก่อนผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 1,990 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ เป็นผลจากเงินปันผลที่ลดลงเนื่องจากกลุ่มธุรกิจทางการเงินยังคงลดพอร์ตการลงทุน
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ครึ่งแรกของปี 2567 เติบโตได้ดีผ่านการขยายฐานสินเชื่อลูกค้าทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ทั้งช่องทางดิจิทัลและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยสินเชื่อเติบโตร้อยละ 8.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจและกลุ่มลูกค้าไต้หวัน และสินเชื่อกลุ่มลูกค้าไต้หวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ผ่านเครือข่ายของ CTBC Bank ธนาคารเอกชนอันดับ 1 ของไต้หวัน ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มธุรกิจ และ Trade Finance เติบโตร้อยละ 19 ทั้งนี้ ธนาคารคุม NPL ให้อยู่ที่ร้อยละ 3 รวมทั้งได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างระมัดระวังโดย NPL Coverage อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 188 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
ด้านเงินฝาก ธนาคารได้ขยายฐานลูกค้าเงินฝากรายย่อยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผ่านช่องทาง Digital Banking และออกผลิตภัณฑ์เงินฝากต่างๆ เช่น เงินฝากบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัล B-You Wealth ดอกเบี้ยสูงสุด 5.55% แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัล รับฟรี บัตรแรบบิท LH Bank Success Infinite Prestige Collection แคมเปญผลิตภัณฑ์เงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) และผลิตภัณฑ์ LH Bank Health Care Saving รวมถึงบัญชีออมทรัพย์เพื่อธุรกิจอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได
