วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 นายวุฒิเลิศ เจียรนิลกุลชัย กรรมการ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งต่อ EA ให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สิน โดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดชําระภายในปี 2567 และแนวทางที่ชัดเจนในการชําระหนี้ดังกล่าวนั้น
บริษัทขอชี้แจงประเด็นดังกล่าว 1.จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.2567 บริษัทมีหนี้สินเงินต้นที่จะครบกําหนดชําระภายในปีนี้คงเหลือจํานวน 16,488 ล้านบาท ประกอบด้วย
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินและตั๋วแลกเงินระยะสั้น จำนวน 8,144 ล้านบาท
เงินกู้ระยะยาวจากสถาบันการเงิน จำนวน 2,852 ล้านบาท (ยอดรวมดอกเบี้ยเท่ากับ 3,200 ล้านบาท)
หุ้นกู้ที่ถึงกําหนดชําระ จำนวน 5,500 ล้านบาท จำนวน 2 รุ่นคือ EA248A วงเงิน 1,500 ล้านบาท ครบไถ่ถอนวันที่ 15 ส.ค.2567 และ EA249A วงเงิน 4,000 ล้านบาท ครบไถ่ถอนวันที่ 29 ก.ย.2567 จากหุ้นกู้ทั้งหมดรวม 16 รุ่น มูลหนี้รวม 31,166 ล้านบาท
ซึ่งหุ้นกู้ทั้งหมดที่บริษัทมีนั้นเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน และมีเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ (Cross Default) กับสถาบันการเงิน หรือหุ้นกู้อื่น
ทั้งนี้ ส่วนที่เป็นเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงินหลายแห่ง จากเดิมบริษัทมีความตั้งใจจะโรลโอเวอร์ตามที่เคยปฏิบัติมา และมีแผนที่จะชําระเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกําหนดในปีนี้ด้วย 1.กระแสเงินสดจากการดําเนินงาน โดยไตรมาส 1/2567 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดําเนินกิจการจํานวน 1,900 ล้านบาท และบริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมทุกเดือนประมาณ 1,000 ล้านบาท
2.วงเงินกู้จากสถาบันการเงินวงเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาขั้นสุดท้ายของสถาบันการเงิน 3.หุ้นกู้ที่จะออกเพิ่มเติมในปีนี้ จํานวนและวันเสนอขายอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้รับประกันการจัดจําหน่าย โดยบริษัทคาดว่าจะเป็นหุ้นกู้อายุ 1 ปีและ 3 ปี
แต่ล่าสุด บริษัทได้รับการแจ้งข้อมูลจากทริสเรตติ้ง (TRIS Rating) ว่าบริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงเงินกู้จากสถาบันการเงินและหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกตามแผนเดิม
อนึ่ง ณ เวลา 16.15 น. บริษัทได้รับการแจ้งข้อมูลจาก TRIS Rating ว่าบริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ใหม่ที่จะออกตามแผนเดิม
อย่างไรก็ดี บริษัทขอเน้นย้ำว่าบริษัทยังมีรายได้จากโรงไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกระแสเงินสดหลักให้บริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาและพิจารณาคัดเลือก Strategic Partner(s) เข้ามาร่วมลงทุน สร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน เพิ่มศักยภาพในการชำระหนี้ และ พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว