"ประเทศไทย" จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร เป็นประเด็นคำถามที่นักธุรกิจต่างๆ ให้ความกังวล ถึงศักยภาพของประเทศไทยที่จะมีโอกาสแข่งขันบนเวทีโลกได้มากน้อยเพียงใด ยิ่งดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมในประเทศปรับแผนหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น เวียดนาม ซึ่งตลาดแรงงานยังมีกลุ่มคนหนุ่มสาวจำนวนมาก มีการลงทุนของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น การเกิดขึ้นของประชากรลดลง หรือแม้แต่เครื่องยนต์ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงรายได้เข้าประเทศหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจยังฟื้นตัวอย่างเปราะบาง เช่น ภาคการส่งออก ที่แม้ปีนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า ทั้งปีปรับตัวดีขึ้น แต่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยปรับกรอบเติบโตเป็น 0.8-1.5% จากเดิม 0.5-1.5%
รวมถึงการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอสังหาริมทรัพย์ กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีต่อระบบเศรษฐกิจไทยค่อนข้างสูง โดยมีการประเมินว่า ภาคอสังหาฯ ปีนี้จะติดลบหรืออาจจะทรงตัว เพราะกำลังซื้อในประเทศที่ยังชะลอตัว อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูง หนี้ในระบบที่น่าเป็นห่วง ส่งผลให้ธนาคารเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ ตัวเลขที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 5-3 ล้านบาท มีตัวเลขรีเจกต์เรตสูง รวมถึงสินเชื่อในกลุ่มบ้านราคาแพงตั้งแต่ 7 ล้านบาท ไปจนถึง 10 กว่าล้านบาท เริ่มประสบปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อ แม้ตัวเลขจะไม่มาก แต่เป็นอีกตลาดที่ซัปพลายออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด การเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ติดอันดับรั้งท้ายสุดอาเซียน เมื่อธนาคารโลก (World Bank) หั่นลดประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2567 เหลือเพียง 2.4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.8% (เดือน เม.ย.) โดยมีสาเหตุหลักๆ จากการส่งออกและการลงทุนของภาครัฐในไตรมาสแรกของปีที่ยังอ่อนแอและไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
คาดอสังหาฯ กลับมาฟื้นตัวครึ่งปีหลัง
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวว่า ภาพรวมตอนนี้ เรากังวลเรื่องค่าครองชีพ หนี้สินครัวเรือนระดับสูง แต่สามารถแก้ไขด้วยการจ้างงานมากขึ้น รวมทั้งการกลับมาของนักท่องเที่ยว หากครึ่งปีหลังอ่อนแอหรือกลับมาน้อยกว่าประมาณการอาจทำให้สร้างรายได้เข้าประเทศน้อย (ล่าสุด มีการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติในครึ่งปีแรกกว่า 17 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 825,541 ล้านบาท)
สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวจากครึ่งปีแรก จากการที่งบประมาณของรัฐบาลที่ได้รับการอนุมัติ มาตรการช่วยเหลือด้วยการให้กู้ โดยเฉพาะระดับรากหญ้า เอสเอ็มอี ผู้กู้ซื้อบ้านมีมาตรการพิเศษ (มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนในกลุ่มราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และ ธอส.สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ซื้อบ้าน) และรัฐบาลยังมองถึงถึงการลดดอกเบี้ยแม้จะไม่มีในครึ่งปีแรก แต่มีความหวังจะเห็นในครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับในต่างประเทศอย่างอเมริกาที่จะเห็น 1-2 ครั้ง ซึ่งมองว่าจะเห็นในประเทศไทยและส่งผลต่อภาคธุรกิจและภาคผู้บริโภค
ใช้จุดแข็ง "อาหาร-สุขภาพ" หนุน ศก.ไทย
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท บริษัทในเครือ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในช่วงนี้มีทั้งโอกาสและความท้าทาย แม้ว่าจะมีปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ต้องจับตามอง อัตราดอกเบี้ยสูง และการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ค่อนข้างสูง สิ่งสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้คนมีงานทำ เพื่อส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ เช่น เรื่องการย้ายฐานการผลิตเป็นเรื่องใหญ่มาก ขณะที่ความสามารถในการแข่งขันตอนนี้ เรามีเรื่องท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่หากรัฐบาลส่งเสริมและยกระดับเรื่องตลาดสุขภาพและอาหารในประเทศไทย จะเป็นแม่เหล็กใหญ่ที่จะสร้างรายได้ที่ดีกับเศรษฐกิจ ต้องมีการทำแผนที่ชัดเจนและต่อเนื่อง
"เราเก่งเรื่องท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวมาไทย ก็ชื่นชอบอาหาร เรื่องตลาดสุขภาพ เป็นผลของคอนเน็กชันภาคเอกชนทำเอง แต่ถ้าเป็นแบบ G to G จะยิ่งเพิ่มงาน เราสามารถปรับเรื่องท่องเที่ยวรวมกับสุขภาพ ก็ยิ่งผลักดันให้ตลาดเติบโตได้มากยิ่งขึ้น หรือจะพ่วงบริการสุขภาพกับการซื้อที่อยู่อาศัยก็ได้"
อสังหาฯ ครึ่งปีแรกสาหัส โหดมาก!
ด้านนายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความน่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อยกระดับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 35 ปี กล่าวยอมรับว่า อสังหาฯ ครึ่งปีแรกสาหัสอยู่ โหดมาก เช่น อัตราดอกเบี้ย แม้จะไม่สูงก็ตาม แต่รัฐบาลจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ตรงนี้จะไปส่งเสริมให้ไตรมาส 4 ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการขยายตัวของ GDP
ORI เจาะตลาดลูกค้าซื้ออสังหาฯ เงินสด หวังระบายสต๊อก หนุน Cash Flow
ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI หนึ่งในบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ ที่ช่วงที่ผ่านมา ลงทุนขยายโครงการทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยว รวมถึงมีโครงการมิกซ์ยูสกระจายอยู่ในทำเล ได้ปรับกลยุทธ์การรุกธุรกิจอสังหาฯ ในครึ่งปีหลัง โดย นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI กล่าวถึงสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ว่า สภาพตลาดรวมธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้ชะลอตัวลงจากปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าจะเริ่มค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากนโยบายกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง แต่นอกเหนือจากปัจจัยบวกจากภายนอกแล้ว ข้อสำคัญคือ เราต้องเลือกบุกไปยังตลาดที่มีความต้องการซื้อจริง และเลือกเซกเมนต์ที่มีคู่แข่งจำนวนไม่มากด้วย
สำหรับกลยุทธ์การสร้างยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2567 นั้น บริษัทให้ความสำคัญกับ 3 ด้าน ได้แก่
1.การระบายสินค้าคงค้าง (Inventory) เตรียมจัดโปรโมชันใหม่ๆ กับกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ 2.การเลือกเปิดโครงการในทำเลที่เหมาะสม เลือกเปิดโครงการในทำเลที่มีความต้องการซื้อจากลูกค้าหลายกลุ่ม ทั้งผู้ซื้ออยู่เอง ผู้ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว ตลอดจนตลาดต่างชาติ และเป็นทำเลที่มั่นใจได้ว่าหากเปิดตัวแล้วจะสามารถสร้างยอดขายกลับมาได้ทันที เช่น ทำเลหัวเมืองต่างจังหวัด ที่ยังมีกลุ่มลูกค้าเศรษฐีเงินสด และ 3.การเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มที่จะช่วยเปิดทางให้ลูกค้าเข้าถึงการซื้อขายโครงการของบริษัทได้ทุกที่ทุกเวลา
“ตลาดปีนี้ไม่ง่าย เพราะกำลังซื้อยังหดตัวในภาพรวม แต่ออริจิ้นยังคงให้ความสำคัญกับการมี Disruptor Mindset เราผ่านช่วง COVID-19 มาได้ เพราะเราปรับตัวเร็ว และปรับตัวตลอดเวลา เราเชื่อมั่นว่าทั้ง 3 กลยุทธ์ที่เราจะเดินหน้าต่อจากนี้จะช่วยให้เราปรับตัวพร้อมส่งมอบสินค้าที่อยู่อาศัยคุณภาพให้ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนได้”
โค้งครึ่งปีแรกประคองยอดขายได้
สำหรับภาพรวมผลประกอบการของผู้ประกอบการในงวดครึ่งแรกของปี 2567 อสังหาฯ รายใหญ่เริ่มทยอยแจงตัวเลขออกมา ซึ่งในภาพรวมแล้ว ตัวเลขพรีเซลส์สะท้อนผลงานออกมาดี โดยบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP ขึ้นนำในเรื่องของยอดขาย
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานดีกว่าประมาณการ โดยมียอดขายรวม 42,000 ล้าน (เป้าทั้งปีวางไว้ 57,000 ล้านบาท) และมียอดโอนรวมกว่า 20,500 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 62% จากการเปิดตัว ASPIRE ห้วยขวาง และล่าสุดกับ LIFE เจริญนคร-สาทร ที่เปิดตัวเมื่อสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถปิดการขายได้มากกว่า 40%
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2567 นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทาย โดยแสนสิริวางเป้าหมายมุ่งชาเลนจ์แข่งขันกับเรคคอร์ดของบริษัทเองในแต่ละไตรมาส เพื่อรักษาผลประกอบการให้เติบโตอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี เติบโตทั้งยอดขายและยอดโอน โดยงวด 6 เดือนแรก สามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรก 8% คิดเป็น 48% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท มียอดโอน 20,000 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรก 6% และคิดเป็น 47% จากเป้าหมายยอดโอน 43,000 ล้านบาท
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ระบุ ครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยในเครือจำนวนทั้งสิ้น 18,331 ล้านบาท ยอดขายมาจากกลุ่มโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) ประมาณ 3,807 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 21% และยอดขายจากกลุ่มโครงการคอนโดฯ ประมาณ 14,524 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 79% และหากแบ่งตามสถานะโครงการ จะเป็นยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to Move) ประมาณ 49% และยอดขายจากโครงการที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างประมาณ 51%
'เอพี-แสนสิริ' โหมศึก! ลุยขึ้นโครงการใหม่
ขณะที่ในเรื่องการพัฒนาและขึ้นโครงการ ภาพรวมในครึ่งปีแรก หลายบริษัทอาจจะชะลอตัวและไปโหมหนักในครึ่งปีหลัง ซึ่งเรื่องของระบบเศรษฐกิจ สภาพคล่องในระบบมีส่วน แต่ครึ่งหลัง อสังหาฯ โดยเฉพาะผู้ประกอบการต้องเร่ง 'เครื่องเต็มสูบ' เปิดโครงการให้ได้เข้าเป้า หรือใกล้เคียงกับแผนที่วางไว้
และก็เป็นไปตามคาด บิ๊กแบรนด์ที่มีมาร์เกตแชร์ในตลาดยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อรองรับดีมานด์ เริ่มจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) งัดแผนธุรกิจในไตรมาส 3 โดยจะรุกเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 13 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 16,000 ล้านบาท ไฮไลต์การเปิดตัวคอนโดมิเนียมถึง 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมทั้งลุยเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง
บริษัท เอพี ไทยแลนด์ เตรียมเปิดตัว 25 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 27,440 ล้านบาท เพื่อเติมพอร์ตที่อยู่อาศัยในมือ 177 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายการโอน ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในทุกทำเลทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยจะมีโครงการไฮไลต์ในกลุ่มของสินค้าแนวราบที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลัง เช่น บ้านกลางเมือง CLASSE รัชดา-ลาดพร้าว ทาวน์โฮม และบ้านแฝด 3 ชั้นกับที่สุดของทำเลใจกลางเมือง บ้านเดี่ยวแบรนด์ THE CITY กับดีไซน์ใหม่ที่ตอบทุกเจเนอเรชันของการอยู่อาศัย
ส่วนสินค้าประเภทคอนโดฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง เอพี ไทยแลนด์ เตรียมรับรู้รายได้จากการโอน LIFE พระราม 4-อโศก มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว ASPIRE อิสรภาพ-สเตชั่น คอนโดฯ ใหม่ที่ให้คุณได้อิสระไปกับเมืองเก่าที่อบอุ่น เพียง 350 ม.จาก MRT อิสรภาพ
หั่นราคาขายบ้าน-คอนโดฯ หวังปลุกอารมณ์คนซื้อ
เรื่องจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาส 3 มีความร้อนแรงดุเดือดมากยิ่งขึ้น หลายบริษัทอัดโปรโมชันที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้ารายใหม่ หรือกลุ่มนักลงทุน ที่มองหาการลงทุนในแอสเสท ทำธุรกิจปล่อยเช่า ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก หรือการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งผู้ซื้อรายเดิมอาจจะกังวลกับเรื่องกลยุทธ์ 'ราคา' ที่แต่ละโครงการนำมาลดราคา
หากพิจารณาแล้ว เกมการปลุกยอดขายและเร่งยอดโอนในไตรมาส 3 สิ่งที่ผู้ประกอบการ ให้น้ำหนัก 'ราคาพิเศษ' มีการจับมือกับธนาคารขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมกันกระตุ้นตลาด และยังลดความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งยังเป็นปมปัญหาใหญ่ที่ตัวเลขรีเจกต์เรตในระบบยังสูงอยู่ เช่น แสนสิริ จับมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ร่วมออกโปรโมชัน "หวานเลย ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 2 ปี" มีบ้านง่ายๆ จ่ายเบาๆ พร้อมส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท และส่วนลดต่างๆ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ซื้อ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.67 โดยแสนสิริคาดว่าจากโปรโมชันนี้จะส่งผลให้ในไตรมาส 3 มียอดขายเพิ่มกว่า 10,000 ล้านบาท
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ที่มุ่งระบายสต๊อกคงค้าง สร้างรายได้ กับแคมเปญฉลองครบรอบ 35 ปี “ลดฟ้าฟาด” มอบส่วนลดครั้งยิ่งใหญ่สูงสุด 35% พร้อมของแถม มูลค่ารวมสูงสุดถึง 14 ล้านบาท และยังมีข้อเสนอพิเศษอื่นๆ กับ 35 โครงการคุณภาพ
“พฤกษา” ผนึก SCB จัดโปรเจาะ 20 กลุ่มลูกค้าองค์กร
บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ โดยนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ กล่าวว่า ได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เดินหน้าตามกรอบแนวคิด ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต “อยู่ดี มีสุข” ให้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยคุณภาพได้ง่ายขึ้น จัดแคมเปญพิเศษให้กลุ่มลูกค้าสวัสดิการองค์กรชั้นนำ รวม 20 แห่งของ SCB โดยจะได้รับสิทธิพิเศษจากทั้งพฤกษาและ SCB เมื่อซื้อบ้านในโครงการของพฤกษา ที่มีให้เลือกทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม รวม 122 โครงการ สิทธิพิเศษจากพฤกษาที่มอบให้แบบจัดเต็มถึง 3 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 ส่วนลดรายโครงการสูงสุดถึง 2 ล้านบาท และของแถมต่างๆ ต่อที่ 2 รับส่วนลดสำหรับบริษัทพันธมิตรเพิ่ม 10,000 บาทต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท
และต่อที่ 3 ส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีกสำหรับลูกค้าบริษัทสวัสดิการองค์กรในแคมเปญนี้ ตามประเภทโครงการอีก ดังนี้ (1) โครงการทาวน์เฮาส์ 75 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่ม 1% จากราคาสุทธิหลังหักโปรโมชันต่อที่ 1 และ 2 (2) โครงการบ้านเดี่ยว 38 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่มตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท และ (3) โครงการคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มอบส่วนลดเพิ่ม ตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท
BAM ดึงนักลงทุนชอปอสังหาฯ 2,500 รายการ
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM กล่าวว่า การลงทุนในอสังหาฯ จัดเป็นการลงทุนที่มีอัตราการผันผวนต่ำ และยังได้รับผลตอบแทนที่ดี BAM ได้จัดแคมเปญ “อสังหาฯ น่าลงทุน เพื่อ BAMvestors” โดยคัดอสังหาฯ หลากหลายทำเลทั่วประเทศจำนวนกว่า 2,500 รายการ มานำเสนอให้นักลงทุนเลือกตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 นักลงทุนที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่อนุมัติขายได้รับโปรโมชัน “โอนเร็ว รับเลย ฟรี ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด 900,000 บาท และได้รับกิฟต์เซ็ต BAM ครบรอบ 25 ปี ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี BAM ได้จัดกิจกรรม Lucky Draw ให้ลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM และโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2567 ได้สิทธิลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท