สหภาพแรงงานฯ การยาสูบแห่งประเทศไทย เผยตัวเลขการบริโภคบุหรี่เถื่อนไทยแตะ 25.5% สูงสุด ทำให้การยาสูบฯ กระทบหนัก กำไรเหลือเพียงปีละ 200 ล้านบาท ร้านค้า ชาวไร่ยาสูบเตรียมตัวรับศึกหนักกำไรหาย รายได้หด วอนกระทรวงการคลังเร่งแก้ปัญหา ชี้ต้องสนับสนุนสรรพสามิตมากขึ้น
นายสุเทพ ทิมศิลป์ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ การยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการประชุมเชิงปฏิบัติการ “รวมพลังปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย: เศรษฐกิจมั่นคง สังคมปลอดภัย” จัดโดยสมาคมการค้ายาสูบไทย ภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ การยาสูบแห่งประเทศไทย ได้มีการเปิดเผยผลการสำรวจการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ไตรมาสที่ 1 พ.ศ.2567 โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ ระบุว่าประเทศไทยมีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายถึง 25.5% หรือ 1 ใน 4 ของตลาด สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา คิดเป็นบุหรี่เถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามากว่า 97% และบุหรี่ปลอม 3% สร้างความเสียหายทางภาษีให้รัฐกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี
“การสำรวจครั้งนี้ระบุว่าจังหวัดที่มีการบริโภคบุหรี่เถื่อนสูงสุดอยู่ในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา สตูล พัทลุง ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะสงขลาที่มีความนิยมบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายกว่า 90% นอกจากนี้ ยังเกิดปรากฏการณ์ “เมืองหลวงใหม่” แสดงการกระจายตัวของบุหรี่ผิดกฎหมายในจังหวัดระนอง นนทบุรี สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร และ ปทุมธานี สำหรับกรุงเทพฯ การสำรวจพบว่ามีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายอยู่ที่ 36.5% เพิ่มมาถึง 73 เท่า ภายใน 3 ปี สถิตินี้สะท้อนว่าจังหวัดที่มีกำลังซื้อสูง และโดดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มเป้าหมายของการค้าบุหรี่เถื่อน เพราะผู้คนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในการซื้อสินค้าเถื่อนออนไลน์ ส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้ง่ายๆ ผ่านการจัดส่งแบบด่วนถึงมือผู้รับในเวลาอันสั้น”
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า หากมองแค่บุหรี่ถูกกฎหมายของการยาสูบฯ ต้องยอมรับว่าผู้สูบบุหรี่ในไทยนิยมบริโภคบุหรี่ราคาประหยัด โดยการยาสูบฯ เองขายสินค้าในกลุ่มนี้ได้กว่า 95% มีเพียง 5% เท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มราคาสูง เพราะกำลังซื้อมีไม่มากนัก เมื่อราคาของของถูกกฎหมายปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังคงใช้โครงสร้างภาษีแบบ 2 อัตราและเก็บทั้งแบบปริมาณ คือ บุหรี่มวนละ 1.20 บาท และแบบราคาที่มีมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ดิ่งลงเหวของทั้งอุตสาหกรรม ก็ไม่แปลกที่ผู้บริโภคจะเทไปหาบุหรี่เถื่อนที่ทั้งราคาถูกและหาซื้อง่าย แต่รัฐบาลไทยจะยอมอยู่เฉยๆ ให้บุหรี่เถื่อนช่วงชิงตลาดไปแบบนี้หรือ จากปี 64 ที่ขึ้นภาษี แค่ 3 ปี เราเสียตลาดไปแล้ว 1 ใน 4 บุหรี่เถื่อนโต 311% ถ้าไม่แก้ไขอะไรอีกไม่กี่ปีเราคงไม่เหลือพื้นที่ให้บุหรี่ถูกกฎหมายเลยในประเทศไทย
“บุหรี่เป็นสินค้าที่เคยสร้างรายได้ให้ภาษีสรรพสามิตถึงกว่าปีละ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันเหลือเพียงราว 5 หมื่นล้านบาทต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้ ในบุหรี่ 1 ซอง ยังจัดสรรเงินเป็นภาษีมหาดไทยเพื่อบำรุงท้องถิ่น และภาษีอื่นๆ เช่น กองทุนกีฬา สื่อ และคนพิการ ซึ่งเสียหายจากบุหรี่เถื่อนราว 6,000 ล้านบาทต่อปี และที่เลี่ยงไม่ได้เลยคือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบกว่า 20,000 ครอบครัวที่จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาทุกอย่างในอุตสาหกรรมยาสูบ และร้านค้าบุหรี่ถูกกฎหมายกว่า 500,000 ร้านทั่วไทย ที่ไม่สามารถแข่งขันด้านราคาและความสะดวกสบายในการซื้อขายกับบุหรี่เถื่อนได้ ที่สำคัญภาครัฐน่าจะให้การสนับสนุนกรมสรรพสามิตมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพราะต้องดูแลปัญหาบุหรี่เถื่อนที่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก” รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ กล่าว