xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นไทยทำผลงานแย่สุดในเอเชีย ไต้หวันโชว์ฟอร์มแกร่งสุดรับอานิสงส์ AI

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ที.โรว์ ไพรซ์ (T. Rowe Price) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไต้หวันทำผลงานแข็งแกร่งที่สุดในเอเชียแปซิฟิกในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากความนิยมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ส่วนตลาดหุ้นไทยทำผลงานย่ำแย่ที่สุด รอลงมาคือตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันทะยานขึ้นแข็งแกร่งกว่า 28% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ AI โดยหุ้นไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสัญญาจ้างรายใหญ่และเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมากในตลาดหุ้นไต้หวัน พุ่งขึ้น 63% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ขณะที่หุ้นฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งทะยานขึ้น 105% ในช่วงเวลาเดียวกัน

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นายราหุล โกช ผู้เชี่ยวชาญด้านพอร์ตหุ้นระดับโลกของบริษัท ที.โรว์ ไพรซ์ ระบุในรายงานแนวโน้มการลงทุนของบริษัทว่า "ผลงานของตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยกระแสการตอบรับ AI และนโยบายของธนาคารกลาง และเราคาดว่าแรงขับเคลื่อนเหล่านี้จะยังคงดำเนินต่อไป"

นายโกช ยังกล่าวด้วยว่า ศักยภาพและขนาดของวงจรการลงทุนด้าน AI จะยังคงเป็นแรงผลักดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมกับกล่าวว่าการลงทุนด้าน AI กำลังสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังภาคส่วนอื่นๆ เช่น ภาคส่วนอุตสาหกรรม วัตถุดิบ และสาธารณูปโภค

ส่วนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นทำผลงานแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 ในเอเชียแปซิฟิก หลังจากพุ่งขึ้นทะลุสถิติสุงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในปีนี้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นราว 18%

ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นทะลุสถิติสูงสุดในรอบ 34 ปี และทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้ที่ระดับ 38,915.87 จุดเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2532 หลังจากนั้น ดัชนีนิกเกอิทะยานขึ้นเหนือแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 40,000 จุด และปิดตลาดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดระดับใหม่ที่ 40,888.43 จุดเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ปีนี้

ส่วนดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทยร่วงลง 8% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รองลงมาคือดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ร่วงลง 2.88% และดัชนีตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปรับตัวลง 0.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียกำลังจับตาการตัดสินใจครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อย่างใกล้ชิด ซึ่งโดยปกติการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางในเอเชียมักจะเป็นไปในทางเดียวกันกับเฟด

ในช่วงปลายปี 2566 คณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) นั้น เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็น 0.75% ในปีนี้

สำหรับตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกที่ทำผลงานดีที่สุดและย่ำแย่ที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีดังนี้

1.ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน +28.45%
2.ดัชนีนิกเกอิ 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น +17.56%
3.ดัชนี Nifty 50 ตลาดหุ้นอินเดีย +10.49%
4.ดัชนี BSE Sensex ตลาดหุ้นอินเดีย +9.4%
5.ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย +9.31%
6.ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ +5.37%
7.ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง +3.94%
8.ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ +2.89%
9.ดัชนี ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย +2.33%
10.ดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีน +0.89%
11.ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ -0.59%
12.ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย -2.88%
13.ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทย -8.11%


กำลังโหลดความคิดเห็น