ศาล Southwark Crown ในลอนดอนพิพากษาจำคุก เหวินเจี้ยน อดีตพนักงานฟาสต์ฟู้ดเป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน โดยศาลตัดสินว่าเธอฟอกเงินผ่านคริปโตประมาณ 150 Bitcoin ซึ่งพบว่าเส้นทางการฟอกเงินดังกล่าวเชื่อมโยงกับการฉ้อโกงมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ในจีน สะท้อนให้เห็นว่าคดีนี้บ่งชี้ถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ในการต่อสู้กับอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
เหวินช่วยอาชญากรจีนในการฟอกเงินผ่านบิทคอยน์ได้อย่างไร?
เหวิน วัย 42 ปี เปลี่ยนจากการอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินเล็กๆ ของร้านอาหารจีนประเภทซื้อกลับบ้านในลอนดอนตะวันออก มาเป็นเจ้าของคฤหาสน์หรูขนาด 6 ห้องนอน โดยเธอปฏิเสธความเกี่ยวข้องของเธออย่างต่อเนื่อง โดยอ้างว่าเธอเพียงปฏิบัติตามคำสั่งของ ยาดิ จาง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสถาปนิกของโครงการนี้
โดยโครงการนี้โอนเงินที่ถูกขโมยจำนวนมากจากประเทศจีนจากนั้นแปลงเป็นบิทคอยน์เพื่อฟอกเงินผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ทั่วสหราชอาณาจักร ยุโรป และดูไบ ซึ่งคณะลูกขุน ตัดสินลงโทษเหวินหลังจากการพิจารณาคดีเกือบสองเดือน โดยได้รับการพิจารณาจากหลักฐานดิจิทัลมากมาย รวมถึงข้อความ WhatsApp หลายพันข้อความระหว่างเหวินและจาง
สถานะของเหวินเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มีการใช้ชีวิตที่หรูหรา และโดดเด่น เช่นการช็อปปิ้งอย่างสนุกสนานในร้านค้าแบรนด์เนมหรูหราราคาแพง มากกว่าเงินเดือนที่เธอได้รับ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตอันน่าทึ่งของเธอ ซึ่งเธอลงทุนในไลฟ์สไตล์นี้ด้วยรายได้จากบิทคอยน์ที่ถูกฟอกซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 61,000 BTC ในขณะที่ถูกยึด ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์
ในระหว่างการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาแซลลี่-แอน เฮลส์ เน้นย้ำถึงลักษณะของอาชญากรรมที่ซับซ้อนและมีการจัดเตรียมอย่างดี
“ฉันไม่สงสัยเลย ว่าคุณรู้ว่าคุณกำลังจัดการกับอะไร” ผู้พิพากษากล่าว
อย่างไรก็ตาม การป้องกันของเหวินแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นเหยื่อที่ถูกชักจูงโดยจาง เธอเชื่อว่าจากเป็นผู้ถือครองบิทคอยน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นนักธุรกิจหญิงด้านอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตามเขาต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี โดยการดำเนินการของเขาซึ่งปิดบังต้นกำเนิดของที่มาบิทคอยน์ ที่ได้มาอย่างผิดกฎหมาย มีการจัดการธุรกรรมมูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะฟอกเงินผ่านทางตลาดมืดหรือ Darknet
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มการตรวจสอบคริปโตอย่างเข้มงวดมากขึ้น ทำให้การปราบปรามเป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มระดับโลกในการควบคุมความเสี่ยงดังกล่าว โดยในปี 2566 ผู้ประกอบการธุรกิจคริปโต ต้องเผชิญกับค่าปรับมูลค่าเกือบ 5.8 พันล้านดอลลาร์จากความล้มเหลวในการต่อต้านการฟอกเงิน
ในหมู่ผู้ประกอบการดังกล่าวไบแนนซ์ ต้องเผชิญกับค่าปรับมากกว่า 4.3 พันล้านดอลลาร์โดยเน้นถึงผลกระทบทางการเงิน และกฎระเบียบของการดำเนินงานของสกุลเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ในคดีนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามการฟอกเงินดิจิทัลในวงกว้าง เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในสหรัฐฯ ได้พิพากษาลงโทษ Roman Sterlingov ผู้ก่อตั้ง Bitcoin Fog ซึ่งเป็นผู้ผสมคริปโตเพื่อฟอกเงินในความผิดที่คล้ายคลึงกัน