หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2567 ซึ่งกำไรทรุดฮวบลง ราคาหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX ก็ร่วงลงแรง จนสร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายปี
NEX แจ้งผลประกอบการไตรมาสแรกผ่านตลาดหลักทรัพย์ หลังปิดการซื้อขายหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 49.30 ล้านบาท ลดลง 102.78 ล้านบาท หรือลดลง 68% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 152.08 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ธุรกิจเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ลดลง
NEX เป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งประกาศผลประกอบการพร้อมกัน ผลกำไรทรุดหนักในทิศทางเดียวกัน ราคาหุ้นทรุดเหมือนกัน แต่ EA เริ่มกระเตื้องขึ้นแล้ว หลังถูกเทขายจนราคาหุ้นสร้างจุดในรอบ 7 ปี
ขณะที่หุ้น NEX ถูกถล่มขายจมดิน ราคายังโงหัวไม่ขึ้น โดยวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ราคาปิดที่ 7.60 บาท ลดลง 13.14% และวันที่ 14 พฤษภาคม ราคาปิดที่ 5.85 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือลดลง 23.03%
ราคาหุ้น NEX เริ่มคึกคักขึ้น หลัง EA ส่งบริษัทในเครือคือ บริษัท อีเอ โมบิลิตี้ โฮลดิง จำกัด เข้าถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 33.14% ของทุนจดทะเบียน และปรับโครงสร้างธุรกิจ ผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามคำสั่งลูกค้า จำหน่ายและให้เช่ารถบัสโดยสาร ซ่อมบำรุง จำหน่ายอะไหล่รถบัสโดยสาร และลงทุนในบริษัทย่อย
ตั้งแต่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 4 บาท เมื่อมีข่าว EA เข้ามาถือหุ้นใหญ่ ราคาหุ้น NEX ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เป็นขาขึ้นเต็มตัว พร้อมกับหุ้น EA และหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD หุ้นในกลุ่ม EA อีกบริษัท
ทั้ง EA NEX และ BYD มักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ขึ้นก็ขึ้นด้วยกัน ลงก็ลงด้วยกัน เหมือนในรอบนี้ ซึ่งรูดลงยกกลุ่ม สร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายปีเหมือนกัน
ความคาดหวังในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไรหุ้น NEX จนราคาเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ และขึ้นมาปลายปีติดต่อ จนราคาพุ่งขึ้นสูงสุดเกือบ 30 บาท ก่อนที่จะปรับฐานลง
ผลประกอบการ NEX เติบโตก้าวกระโดดอยู่หลายปี จากปี 2564 ที่ขาดทุนสุทธิ 106.87 ล้านบาท ปี 2565 พลิกมีกำไรสุทธิ 208.37 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 725.26 ล้านบาท ก่อนไตรมาสแรกปีนี้กำไรจะวูบลง 68%
ผู้บริหาร NEX ออกมาให้ข่าวทันทีหลังแจ้งผลประกอบการไตรมาสแรก โดยประกาศว่า ปีนี้จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อส่งมอบจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 พันคัน โดยตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทั้งรถโดยสารและรถบรรทุก โดยภาคธุรกิจที่ซื้อรถโดยสารหรือรถบรรทุกไฟฟ้าสามารถนำเงินหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า
และ NEX ยังมีแผนขยายตลาดรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปต่างประเทศอีกด้วย
การผลิตรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ถือเป็นธุรกิจดาวรุ่ง แต่ราคาหุ้น NEX กลับร่วง และความพยายามเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริหารบริษัท โดยตั้งเป้าการผลิตรถไฟฟ้าส่งมอบจำนวน 5 พันคันในปีนี้ เพื่อสร้างรายได้ให้เติบโตก็ไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้
เพราะราคาหุ้น NEX ยังถูกทุบรวงต่อ
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 12,248 ราย กำลังว้าวุ่นใจ ทำไมหุ้น NEX จึงทรุดหนักเหมือนจะลากลับบ้านเก่า