xs
xsm
sm
md
lg

ควันตัมคอมพิวเตอร์คืออะไร ทำไมถึงสร้างความหวาดกลัวให้ธุรกิจคริปโตได้มากมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ควันตัมคอมพิวเตอร์ (Quantum Computer) ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ทรงพลังที่สุดที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก ด้วยหลักการทำงานที่อาศัยกฎของกลศาสตร์ควอนตัม คอมพิวเตอร์ประเภทนี้สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเหนือกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปหลายล้านเท่า นำไปสู่การค้นพบและพัฒนาใหม่ๆ ในหลากหลายสาขา

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่หลายคนตื่นเต้นกับโอกาสที่ควันตัมคอมพิวเตอร์จะนำเสนอ ผู้ประกอบการในธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซี กลับรู้สึกกังวลและหวาดกลัวต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเนื้อหาบทความนี้ ibit จะพานักลงทุน และผู้ที่สนใจเทคโนโลยีในอนาคต ไปเจาะลึกถึงหลักการทำงานของควันตัมคอมพิวเตอร์ ที่แสดงศักยภาพและโอกาสที่มหาศาล รวมไปถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคริปโตเคอร์เรนซี

หลักการทำงานของควันตัมคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ทั่วไปที่เราคุ้นเคยนั้นทำงานโดยอาศัย "บิต" ซึ่งเปรียบเสมือนหน่วยข้อมูลที่มีสถานะเป็น 0 หรือ 1 ในขณะที่ ควันตัมคอมพิวเตอร์ยกระดับการทำงานขึ้นโดยใช้ "คิวบิต" ซึ่งมีความซับซ้อนมากกว่า และ "คิวบิต" สามารถมีสถานะเป็นทั้ง 0 และ 1 พร้อมกัน ซึ่งคุณสมบัตินี้เรียกว่า "ซูเปอร์โพสซิชัน"

นอกจากนี้ คิวบิตยังสามารถ "พันกัน" เชื่อมโยงสถานะของคิวบิตหนึ่งกับอีกคิวบิตหนึ่ง คุณสมบัตินี้เรียกว่า "เอนแทงเกิลเมนต์"

การผสมผสานระหว่างซูเปอร์โพสซิชันและเอนแทงเกิลเมนต์ ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถประมวลผลข้อมูลแบบขนานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ศักยภาพและโอกาสของ ควันตัมคอมพิวเตอร์

ควันตัมคอมพิวเตอร์ มีศักยภาพที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายสาขา ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่

การพัฒนายาและวัคซีน : คอมพิวเตอร์เหล่านี้สามารถช่วยจำลองโครงสร้างโมเลกุล ค้นหายาใหม่ และออกแบบวัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ย่นระยะเวลาการวิเคราะห์ที่มีความซับซ้อนที่ใช้เวลานานหลายปี เหลือเพียงไม่กี่เดือน หรือไม่กี่วัน

การออกแบบวัสดุใหม่ : ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถช่วยออกแบบวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ความแข็งแรงสูง น้ำหนักเบา หรือมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่เหนือกว่า

การเงิน : คอมพิวเตอร์เหล่านี้สามารถช่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ค้นหาความเสี่ยง และพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพ

ปัญญาประดิษฐ์ : ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถช่วยฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ เรียนรู้ข้อมูลได้เร็วขึ้น และทำงานได้อย่างชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อคริปโตเคอร์เรนซี

1. ความเสี่ยงต่อระบบรักษาความปลอดภัย: ระบบรักษาความปลอดภัยของคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่พึ่งพาอัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบสมมาตร ซึ่งอาศัย "คีย์" ในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล ควอนตัมคอมพิวเตอร์มีศักยภาพที่จะถอดรหัสคีย์เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว

2. ภัยคุกคามต่อระบบ Proof-of-Work: คริปโตเคอร์เรนซีหลายประเภท เช่น Bitcoin ใช้ระบบ Proof-of-Work ในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ระบบนี้ทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ธุรกิจคริปโตยังพึ่งพาการเข้ารหัสอย่างหนักเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและธุรกรรม

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันการใช้ฟังก์ชันการเข้ารหัสแบบ RSA ซึ่งมีความปลอดภัยสูง แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมมีศักยภาพที่จะถอดรหัส RSA ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยในสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนได้

ขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์ควอนตัมยังส่งผลต่อความกังวลหลักด้านความปลอดภัยของระบบของผู้ประกอบการในธุรกิจคริปโตคือ หากแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงคอมพิวเตอร์ควอนตัม พวกเขาจะสามารถขโมยคริปโตเคอร์เรนซี ด้วยการเจาะเข้าระบบแลกเปลี่ยน หรือ ทำลายเหรียญคริปโตที่อยู่ในระบบบล็อกได้ทั้งหมด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ

แนวทางรับมือกับคอมพิวเตอร์ควอนตัมของกลุ่มธุรกิจคริปโต

เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ธุรกิจคริปโตจำเป็นต้องพัฒนาระบบการเข้ารหัสแบบใหม่ให้สามารถทนทานต่อการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ตัวอย่างเช่น การเข้ารหัสแบบ Post-Quantum Cryptography ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum computers) ซึ่งมีความสามารถในการทำงานกับข้อมูลด้วยความซับซ้อนและอัลกอริทึมที่เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ปกติอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสูญเสียความปลอดภัยได้ เนื่องจากอัลกอริทึมเข้ารหัสในปัจจุบันอาจถูกบิดเบือนและถูกโจมตีได้โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต

การเข้ารหัสแบบ Post-Quantum Cryptography มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยต่อการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม โดยใช้เทคนิคและวิธีการที่ทนทานต่อการแก้ไขของคอมพิวเตอร์ควอนตัม เช่น การใช้ฟังก์ชันทางเรขาคณิตซับเสติร์ทที่ยากขึ้นในการแก้ไข (Hard Problem) เช่น ฟังก์ชันทางเรขาคณิตรหัสได้แก่ Lattice-based cryptography, Code-based cryptography, และ Multivariate polynomial-based cryptography ซึ่งให้ความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นต่อการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม

นอกจากนี้การเข้ารหัสแบบ Post-Quantum Cryptography ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในอนาคตที่มีคอมพิวเตอร์ควอนตัมเข้ามามีบทบาทในการทำงานอย่างหลากหลายในสถาปัตยกรรมของเทคโนโลยีและเซิร์ฟเวอร์ข้อมูล และมีการพัฒนาและทดสอบต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในอนาคต

อ่านเนื้อหาประกอบเพิ่มเติม>>> ฤา อีก 10 ปีจะสิ้นคริปโต ควอนตัมคอมพิวเตอร์ถูกสร้างมาเพื่อทำลายเหรียญ


กำลังโหลดความคิดเห็น