เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ เตรียมขายหุ้น IPO 750 ล้านหุ้น หลัง ก.ล.ต.อนุมัติ ระดมทุนเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจทั้งน้ำมันปาล์มและระบบโลจิติกส์ครบวงจร กางแผนธุรกิจปี 67 โตระดับ 5-10 % จากปีก่อน มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าต่อยอดธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นและขยายฐานลูกค้า พร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปาล์มและยกระดับมาตรฐานสู่ความยั่งยืนในอนาคต
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจาก PCE มีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันมากว่าเกือบ 40 ปี จากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน อีกทั้งมีระบบการขนส่งทั้งทางบกและทางเรือที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนคลังสินค้าและท่าเทียบเรือเรียวกว่าครบวงจร
ดังนั้น PCE จึงเดินหน้ายกระดับองค์กรให้มีมาตรฐานด้านคุณภาพและบริการ เพื่อก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง และสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ทั้งการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มธุรกิจและบริการควบคู่การบริหารงานด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อทำให้การบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิภาพสูงสุด ประกอบกับการสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กรและบุคลากรภายใต้การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล
ทั้งนี้ การยกระดับให้บริษัทเป็นบริษัทมหาชนและนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จึงเป็นเป้าหมายที่ PCE ให้ความสำคัญ เพื่อระดมทุนและนำเงินไปใช้ในการขยายงาน และล่าสุด คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.อนุมัติการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก หรือ IPO ของ PCE ที่จะเสนอขายครั้งนี้ 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หรือพาร์ หุ้นละ 1 บาท
นอกจากนี้ PCE มีจุดแข็งคือสามารถรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปาล์มได้อย่างครบวงจร ในช่วงระยะเวลา 3-4 ปีข้างหน้า ทั้งการแปรรูปปาล์มสู่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ การขนส่งทั้งทางเรือและบก คลังสินค้า ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับผลผลิตปาล์มที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
"อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มในประเทศยังอยู่ในทิศทางที่ดี และยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากความต้องการใช้ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อประเทศ ทั้งในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงกันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งน่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐ โดยประเทศไทยมีผลผลิตปาล์มเป็นอันดับ 3 ของโลก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน PCE ประกอบธุรกิจหลายอุตสาหกรรม และมีบริษัทในเครือ 5 แห่งคือ บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค โดยโรงงานรีไฟท์น้ำมันปาล์ม สามารถผลิตได้ 1,800 ตัน/วัน แบ่งเป็นน้ำมันปาล์มสำหรับบริโภคกึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูปได้วันละ 1,000 ตัน และสำหรับผลิตเป็น B100 เพื่อเป็นส่วนผสมในน้ำมันดีเซลได้อีกวันละ 1.2 ล้านลิตรต่อวัน และโรงงานสกัดผลปาล์มที่รับซื้อจากเกษตรกรสามารถผลิตได้อีก 1,800 ตันต่อวัน หรือปีละไม่ต่ำกว่า 500,000 ตัน
บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด ประกอบธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมีปริมาณและมูลค่าการซื้อขายและส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศซึ่งมีรถให้บริการมากกว่า 150 คัน และขนส่งส่งได้ปีละไม่ต่ำกว่า 800,000 ตัน บริษัท พี.ซี. มารีน (1992) จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ทั้งในและต่างประเทศ
โดยมีขนาดเรือ 2,000-2,500 ตัน ซึ่งสามารถขนส่งได้ทั้งของแห้งและของเหลว รวม 15 ลำ โดยขนส่งสินค้าได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน บนเส้นทางสุราษฏร์ธานี-บางปะกง และ บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด ประกอบธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือ พื้นที่ฝากเก็บสินค้า และเตรียมความพร้อมก่อนขนส่ง โดยมีพื้นที่มากกว่า 40,000 ตร.ม. และมีคลังน้ำมันที่สามารถรองรับได้ 240,000 ตัน โดยมีท่าเทียบเรือในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และฉะเชิงเทรา