ธนาคารกรุงไทยเปิดไตรมาส 1 ปี 2567 กำไรสุทธิ จำนวน 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน สินเชื่อขยายตัวอย่างสมดุล บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น รักษา Coverage Ratio ในระดับสูง รองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าลดภาระทางการเงิน แก้ปัญหาหนี้ โดยยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 1/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งขับเคลื่อน “นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน” ส่งผลให้รายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัวร้อยละ 15.4 จากพอร์ตสินเชื่อที่เติบโตอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ Cost to Income ratio เท่ากับร้อยละ 43.6 โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง โดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสมในไตรมาสที่ 1/2567 และยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสม ยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงคงที่ประมาณร้อยละ 181 ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับเมื่อสิ้นปี 2566 พร้อมทั้งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวังต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 98,815 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) เท่ากับร้อยละ 3.14
และเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.3 โดยหลักจากการตั้งสำรองลดลง ร้อยละ 38.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่ธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลงในไตรมาสที่ 4/2566 ทั้งนี้ รายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 โดยมี Cost to Income ratio ลดลงจากร้อยละ 44.8 ในไตรมาส 4/2566 เป็นร้อยละ 43.6 ในไตรมาสนี้ จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 181.8 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.33 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 20.50 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด
พร้อมกันนั้น ธนาคารเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยล่าสุด ได้ออกโครงการ “สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน” เพิ่มเติมจากมาตรการช่วยเหลือข้าราชการที่ทำต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่มีภาระหนี้สูง โดยโครงการนี้มุ่งลดภาระทางการเงิน เพิ่มความสามารถในการดำรงชีพของข้าราชการอย่างเหมาะสม มีจุดเด่นคือ สามารถรวมหนี้รายย่อยทุกประเภทมาไว้ที่ธนาคารกรุงไทย อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ตลอดอายุสัญญา และขยายเวลาชำระหนี้ ให้สามารถชำระหนี้ได้สูงสุดถึงอายุ 80 ปี โดยธนาคารนำร่องจับมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ช่วยเหลือข้าราชการครู ลดภาระทางการเงิน ปิดจบหนี้เรื้อรังได้เร็วขึ้น และเสริมแกร่งความรู้ สร้างวินัยการเงิน เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีอย่างยั่งยืน โดยธนาคารมีแผนต่อยอดขยายความร่วมมือกับหน่วยงานราชการต้นสังกัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
"เศรษฐกิจไทยปี 2567 ขับเคลื่อนโดยการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงเติบโตได้ต่ำลง และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้างที่กระทบต่อการผลิตและการส่งออก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีการขยายวงและต่อเนื่อง และสภาวะภูมิอากาศแปรปรวน รวมถึงแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจ SME บางส่วนเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นจึงฟื้นตัวได้ช้า ธนาคารกรุงไทย มุ่งเน้นการเติบโตแบบยั่งยืนพร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยรักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ โดยเฉพาะการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง โดยพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดและอุปสรรคในเชิงระบบ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด สนับสนุนให้กู้เท่าที่จำเป็นและผ่อนชำระไหว โดยยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม"