บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ปกติจะเงียบเหงาซบเซา แต่ปีนี้มีความแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะการซื้อขายหุ้นมีความคึกคัก ดัชนีหุ้นพุ่งทะยานทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,400 จุด และยังเดินหน้าต่อไปได้อีก
แม้มีข่าวเชิงบวกเล็กๆ เกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งรัฐบาลประกาศความชัดเจน และจะเริ่มจ่ายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ แต่นักลงทุนต้องผิดหวังกับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของแบงก์ชาติ ซึ่งมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง คงอัตราดอกเบี้ย 2.5% ต่อไป
การคงดอกเบี้ยในอัตรา 2.50% ของ กนง. ถือเป็นข่าวในเชิงลบ แต่ดัชนีหุ้นกลับพุ่งทะยานต่อเนื่อง โดยขยับขึ้นมาปิดที่ 1,408.17 จุด เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา รวม 2 วัน ระหว่างวันที่ 8-9 เมษายน ดัชนีทะยานขึ้นประมาณ 33 จุด
หยุดยาว 5 วันช่วงสงกรานต์ นักลงทุนคงเที่ยวกันอย่างมีความสุข เพราะมีเงินเต็มกระเป๋า ได้โอกาสขายหุ้นทำกำไรนี่แหละ
ปัจจัยสำคัญที่ปลุกตลาดหุ้นให้ฟื้นคืนสู่ความสดใส มูลค่าการซื้อขายกลับมายืนเหนือระดับ 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน ขณะที่มูลค่าซื้อขายก่อนหน้ากำลังตกต่ำสุดขีด ลดลงเหลือวันละ 2 หมื่นล้านบาทเศษ เกิดจากนักลงทุนต่างชาติที่ยกทัพใหญ่ขนเงินกลับเข้ามาลุยซื้อหุ้นอีกครั้ง
หุ้นขนาดใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดีตกเป็นเป้าหมายในการไล่ซื้อ ทำให้ปรับตัวขึ้นกันยกแผง กระดานหุ้นเขียวสดใส พร้อมกับการตั้งความหวังใหม่ของนักลงทุน หุ้นขาขึ้นรอบนี้จะตีฝ่าแนวต้าน 1,400 จุดไปไกลได้เสียที
แต่ความหวังก็ดับลง เพราะวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน วันส่งท้ายสงกรานต์ตลาดหุ้นแผ่วลง ดัชนีปรับฐาน 11.79 จุด ปิดที่ 1,396.38 จุด หลุด 1,400 จุด
หุ้นที่ขึ้นแรง 2 วันติดเหตุผลเดียวคือ ต่างชาติซื้อ และซื้อเฉียด 1 หมื่นล้านบาท ส่วนหุ้นที่ลงวันส่งท้ายก่อนเทศกาลสงกรานต์ เพราะต่างชาติกลับมาขาย แม้จะขายเพียง 1,816 ล้านบาท แต่ก็ฉุดให้หุ้นรูดลงแรง
พฤติกรรมของต่างชาติยังไม่เปลี่ยน และนับจากต้นปีจะซื้อๆ ขายๆ โดยอาจกลับมาซื้อ 2-3 วัน หลังจากนั้นเทขายอีก และไม่อาจจับทิศทางตความเคลื่อนไหวของต่างชาติได้
อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ขึ้นมารอบนี้นักลงทุนรายย่อยถือโอกาสชิงขายทกำไรมาตลอดทาง เพราะก่อนหน้าทยอยเก็บหุ้นสะสมไว้จำนวนมาก แบกต้นทุนสูงกันจนหลังแอ้กันทุกคน เมื่อโอกาสดีๆ มาถึงจึงไม่ลังเลและรีรอ โยนหุ้นขายใส่มือฝรั่งทันที
การซื้อหุ้นราคาถูกๆ แต่ขายได้ราคาแพงๆ เป็นความสุขของนักลงทุน เช่นเดียวกับการขายหุ้นราคาแพงๆ ออกไป แต่ซื้อกลับคืนมาได้ในราคาต่ำๆ
แนวโน้มตลาดหุ้นหลังสงกรานต์ขึ้นอยู่ภายใต้การชี้นำของต่างชาติเท่านั้น ถ้ายังกลับเข้ามาลุยเก็บหุ้นดัชนีคงเดินหน้าต่อไปได้ และหุ้นจะกลับสู่ความเงียบเหงาซบเซาเหมือนเดิม
มองโลกในแง่ดี แม้แนวโน้มตลาดหุ้นยังไม่มีสัญญาณความสดใส แต่นักลงทุนรายย่อย ได้ปลดเปลื้องหุ้นต้นทุนสูงนำพอร์ตออกไปบ้าง และมีเงินสด มีกระสุนรอจังหวะช้อนหุ้นคืนได้
เพียงแต่อย่ารีบร้อนเท่านั้น เพราะถ้าขาดแรงซื้อต่างชาติหนุน หลังสงกรานต์หุ้นอาจกลับสู่ภาวะซึมลงอีกครั้ง