แม้ความร้อนแรงของหุ้นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI จะดับลงแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า หุ้นตัวนี้จะสิ้นฤทธิ์อย่างราบคาบ โดยอาจยอมสยบเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ตลาดหลักทรัพย์ต้องทุ่มเทพลังอย่างหนัก เพื่อสยบหุ้น MGI โดยนำมาตรการกำกับการซื้อขายมาใช้ และยกระดับมาตรการขั้นสูงสุด ขึ้นเครื่องหมาย P พักการซื้อขายหุ้น 1 วัน และต้องพักการซื้อขายหุ้นถึง 3 ครั้ง จึงสะกดราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นอย่างบ้าคลั่งได้
แต่มีคำถามว่า มาตรการกำกับการซื้อขาย จะแก้ปัญหาหุ้นที่ผิดปกติให้หมดไปได้หรือ และแม้แต่หุ้น MGI ซึ่งอาจสงบลงเพียงชั่วครู่ ก่อนจุดพลุเก็งกำไร ล่อแมลงเม่าให้บินเข้ากองไฟรอบใหม่
มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้นปัจจุบันผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่า ไม่อาจดับความร้อนแรงหุ้นหลายตัวได้ โดย MGI เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะแม้ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหลายครั้ง แต่ราคาหุ้นยังพุ่งทะยานอยู่
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความผิดปกติของหุ้นแต่ละตัว ไม่ได้เกรงกลัวมาตรการกำกับการซื้อขายแม้แต่น้อย และผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์เป็นเพียงเสือกระดาษเท่านั้น
แม้ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการควบคุมหุ้นที่ราคาเพิ่มขึ้นผิดปกติ โดยกำหนดให้ซื้อขายได้เพียงวันละ 3 ครั้ง โดยทำรายการจับคู่การซื้อขายในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า ช่วงที่ 2 เปิดการซื้อขายภาคบ่าย และช่วงที่ 3 ก่อนปิดการซื้อขายในแต่ละวัน
แต่มองไม่เห็นว่ามาตรการจะสยบหุ้นร้อนได้อย่างไร นอกจากนั้น ยังเป็นเพียงมาตรการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้ลงลึกไปที่ต้นเหตุ หรือความผิดปกติของการซื้อขาย
ถ้ามาตรการกำกับการซื้อขายมีประสิทธิภาพจริง ทันทีที่ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการ การซื้อขายหุ้นที่ไม่ปกติจะถูกยับยั้ง หรือยุติโดยทันที
แต่มาตรการกำกับการซื้อขายกลับไม่สามารถปราบพยศหุ้นร้อนได้ โดยหุ้นหลายสิบตัว และหุ้นตัวล่าสุดที่เป็นตัวประจานความล้มเหลวของมาตรการคือ หุ้น MGI
การประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายแค่ละครั้ง ตลาดหลักทรัพย์ระบุชัดว่าการซื้อขายหุ้นมีความผิดปกติ โดยปริมาณการซื้อขายหรือราคาหุ้นเคลื่อนไหวไม่เป็นไปตามภาวะตลาด
แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยชี้แจงว่า ราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นในจุดไหน และมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ทั้งที่ ตลาดหลักทรัพย์จะต้องตรวจสอบโดยทันทีกรณีที่หุ้นบางตัวเคลื่อนไหวผิดปกติ ต้องสั่งให้โบรกเกอร์รายงานข้อมูลการซื้อขาย และตรวจสอบคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนแต่ละรายว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายสร้างราคาหรือไม่
ไม่รู้ว่าตลาดหลักทรัพย์ได้ตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายหุ้นที่มีความผิดปกติหรือไม่ หรือตรวจสอบแล้วไม่พบคำสั่งซื้อขายที่ผิดปกติ ซึ่งหมายความว่าหุ้นที่ถูกมาตรการกำกับการซื้อขายไม่มีความผิดปกติอะไร
แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ เพราะหุ้นที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงโดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน ต้องมีกลุ่มคนอยู่เบื้องหลัง
หุ้นร้อนทุกตัวมักมีเจ้ามือหรือขาใหญ่อยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น และนักลงทุนที่อยู่ในตลาดหุ้นมานาน ติดตามความเคลื่อนไหวหุ้นแต่ละตัวอย่างใกล้ชิดจะรู้ว่า
หุ้นตัวไหนมีเจ้ามือ รู้ด้วยซ้ำว่าเสี่ยหุ้นหรือขาใหญ่หุ้นคนใดอยู่เบื้องหลังลากหุ้นตัวไหน
มีแต่ตลาดหลักทรัพย์เท่านั้นที่งมโข่ง ไม่รู้ระแคะรายคายเบื้องหลังความผิดปกติของหุ้นแต่ละตัว และไม่สามารถสืบค้นเบื้องหลังความผิดปกติของหุ้นอีกด้วย
MGI ไม่ใช่หุ้นตัวแรกและตัวสุดท้ายที่มีการซื้อขายผิดปกติ
นักลงทุนนับแสนๆ ต้องเสียหายย่อยยับมาแล้วจากหุ้นร้อนและหุ้นปั่น โดยความสูญเสียของนักลงทุนจะดำเนินต่อไป
ตราบใดที่ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ยังจมปรักกับมาตรการป้องกันและปราบปรามการปั่นหุ้นที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีความเฉียบขาด
ถ้าตลาดหลักทรัพย์สามารถลากคอคนที่อยู่เบื้องหลังการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เป็นคดีตัวอย่างเพียงคดีเดียว ปัญหาการลากราคาหุ้นให้พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงผิดปกติคงลดลงทันตาเห็น
แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยจับตัวผู้อยู่เบื้องหลังการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติมาลงโทษได้แม้แต่คนเดียว
แก๊งปั่นหุ้นจึงไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องยำเกรงมาตรการกำกับการซื้อขาย
หุ้นร้อน หุ้นปั่นจะดำรงอยู่คู่กับตลาดหุ้นต่อไป จนกว่าตลาดหลักทรัพย์จะมีผู้บริหารที่มีความกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์ในการแก้ปัญหา และมีความตระหนักในหน้าที่ปกป้องประชาชนผู้ลงทุนจริงๆ