ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ กวาดรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.67% กำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.19 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ฟากผู้บริหารปักหมุดปี 67 รุกเปิดตัวสินค้า Health and Wellness สร้าง New Growth ตั้งเป้ารายได้โต Double-Digit พร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กรมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้หลัก ESG
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) (TACC) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 1,715.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.67% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,536.37 ล้านบาท และปี 2566 มีกำไรสุทธิ 221.69 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner และขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C รองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ในปี 2566 ยอดขายเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ของร้าน 7-Eleven ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตามการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ หลังเข้าไปรุกขยายสาขาในประเทศกัมพูชา และ สปป.ลาว ซึ่งเราได้มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และทำแผนการตลาดร่วมกันเพื่อกระตุ้นยอดขาย”
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 ในอัตรา 0.19 บาท/หุ้น กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2567 ถือเป็นปีแห่งการสร้างฐานของ New Growth จากนวัตกรรมสินค้า Health and Wellness ต่อยอดธุรกิจเดิมที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านความร่วมมือพันธมิตรควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน (ESG) โดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และมีแผนออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี (Health and Wellness) สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
ทั้งนี้ TACC ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ในมุม All Cafe ทั้งร้าน 7-Eleven ในประเทศไทย ร้าน 7-Eleven ในประเทศกัมพูชา และใน สปป.ลาว ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ในส่วนของธุรกิจ License Business ในปี 2567 บริษัทจะมีคาแร็กเตอร์ตัวใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน License Business ของบริษัทมีทั้งคาแร็กเตอร์ต่างประเทศ และคาแร็กเตอร์ของไทย เช่น หมาจ๋า Warbie Yama Line Creators เป็นต้น หลังจากปีก่อนได้รับลิขสิทธิ์เป็นตัวแทนดูแลลิขสิทธิ์ และทำการตลาดในประเทศไทย สำหรับ “Bellygom” หมีสีชมพูสุดคิวท์ตัวแรกจากประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 4 ปี
ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวอีกว่า ในส่วนของ บริษัท เฮลธ์ อินสไปร์ด แพลนเนต จำกัด (HIP) ที่เป็นบริษัทย่อยนั้น ซึ่งมีแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี โดยคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อน และมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย รับกระแส Health and Wellness ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงในขณะนี้