หุ้นบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI กำลังเป็นหุ้นร้อนแรงที่สุดในตลาดหุ้น และถูกจับตาจากนักลงทุนอย่างใกล้ชิด พร้อมกับคำถาม หุ้นที่ดำเนินธุรกิจประกวดนางงามตัวนี้จะจบอย่างไร
MGI ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะหุ้นน้องใหม่ที่วิ่งระเบิดเถิดเทิงนับจากเข้าตลาด MAI เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 จากราคาเสนอขายนักลงทุนครั้งแรก หรือราคาจอง 4.95 บาท ภายในเวลา 2 เดือนเศษ พุ่งขึ้นมาปิดล่าสุดที่ 65.25 บาท
สูงกว่าราคาจอง 60.30 บาท หรือสูงกว่าจอง 1,217%
นอกจากสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในฐานะหุ้นที่ร้อนดุจไฟแล้ว MGI ยังสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะหุ้นตัวแรกที่ถูกแขวนเครื่องหมาย P ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายสูงสุดสำหรับหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ และถูกพักการซื้อขายมาแล้ว 3 วัน
ขณะที่ นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ยังเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนใหม่คนแรกที่มีเรื่องเล่าในเชิงกระตุ้นหุ้นตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์น่าจะนำไปพิจารณา ออกกฎควบคุมพฤติกรรมผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนให้เหมาะสม ตีกรอบการเล่านิยายหุ้นตัวเองไม่ให้ล้ำเส้นไปสู่ความพยายามชี้นำหุ้น
เพราะผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ดีควรจะมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อสร้างผลประกอบการที่ดี ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์อันเป็นที่ประจักษ์ว่า MGI เป็นหุ้นของจริง ไม่ใช่ของปลอม ที่ต้องสร้างนิยายมาเล่าเพื่อกระตุ้นหุ้นเป็นรายวัน
ไม่มีใครต้องการขัดลาภนักลงทุนรายย่อยที่หลุดเข้าไปเก็งกำไรแต่อย่างใด ถ้ามั่นใจว่า MGI มีอนาคตยาวไกล และการปรับตัวขึ้นของหุ้นจะไม่มีเพดานการสิ้นสุด
แต่ที่ทุกฝ่ายกังวลคือ ผลประกอบการของ MGI อาจไม่สามารถรองรับราคาหุ้นที่ถูกลากขึ้นไปทะลุฟ้าได้ และราคาหุ้นที่วิ่งไปไกลเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน สุดท้ายจะต้องปรับตัวลงสู่ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นจริง โดยเมื่อหุ้นถูกลากไปจนสุดกู่แล้วต้องปรับฐานลงมา
เพียงแต่ไม่อาจนึกภาพได้ว่า ช่วงการปรับฐานของ MGI ราคาหุ้นจะดิ่งลงแรงเหมือนช่วงที่ถูกลากขึ้นสู่ยอดดอยหรือไม่ และจะมีนักลงทุนรายย่อยที่หลงเข้าไปติดกับดัก และหนีออกไม่ทันจะบาดเจ็บล้มตายกันเท่าไหร่
พฤติกรรมการลากหุ้นสู่ยอดดอยโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ ไม่มีข่างดีสนับสนุนในอดีตเคยเกิดขึ้นแล้ว โดยเฉพากรณีหุ้นคู่แฝดอภินิหาร หุ้น RR และหุ้น FCI หรือหุ้นบริษัท รัตนะการเคหะ จำกัด (RR) และหุ้นบริษัทเงินทุน เฟิร์สซิตี้อินเวสท์เมนท์ จำกัด (FCI) ซึ่งคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ (รัตตกุล) ถือหุ้นใหญ่
ประมาณปลายปี 2535 หุ้น RR และ FCI เจ้าของฉายาหุ้นฟ้าใสถูกลากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราคาประมาณ 30 บาท RR ถูกลากขึ้นไปถึง 300 บาท ขณะที่ FCI ถูกลากจากราคา 30 บาท ขึ้นถึงประมาณ 180 บาท
สาเหตุที่ราคาหุ้น RR และ FCI ถูกลากขึ้นจนหลุดโลกนั้นเพราะเจ้ามือติดดอยเสียเอง โดยสั่งคำสั่งซื้อไล่ราคาหุ้น พร้อมสร้างข่าวกระตุ้นการเก็งกำไร แต่นักลงทุนรายย่อยไม่หลงเป็นเหยื่อ และเทขายหุ้นใส่เจ้ามือจนเจ้ามือจำเป็นต้องลากหุ้นขึ้นต่อเนื่อง โดยหวังว่า จะมีนักลงทุนรายย่อยตกเป็นเหยื่อ แห่เข้าไปเก็งกำไรหุ้น RR และ FCI เข้าสักวัน
เจ้ามือ RR และ FCI ลากหุ้นโดยซื้อไล่ราคาตลอด จนหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดแทบทั้งหมด ตกอยู่กับเจ้ามือ ซึ่งติดดอย และหาทางลงไม่ได้ เพราะนักลงทุนรายย่อยไม่หลวมตัวเข้าไปเล่นหุ้น RR และ FCI
เกมลากหุ้น RR และ FCI ปิดฉากลง ประมาณปลายเดือนเมษายน 2536 หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในยุคนายเอกกมล คีรีวัฒน์ เป็นเลขาธิการ ประกาศกล่าวโทษ 4 หุ้นปั่น ประกอบด้วยหุ้นธนาคารนครหลวงไทย
หุ้นบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด หรือ KMC ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอเคเอส คอร์ปอเรขั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AKS ซึ่งปัจจุบันตกอยู่ในสภาพหุ้นตายซาก ราคายืนอยู่ที่ 1 สตางค์ และมีการซื้อขายน้อยมาก
หุ้นอีก 2 ตัวที่ถูกกล่าวโทษในคราวเดียวกันคือ RR และ FCI โดยคุณหญิงพัชรี และพวกถูกกล่าวโทษในความผิดปั่นหุ้นทั้ง 2 ตัว
หลังจากถูกกล่าวโทษ หุ้น RR และ FCI ก็ดิ่งลงเหวทันที โดย FCI ดิ่งลงติดฟลอร์ประมาณ 10 วันติด ขณะที่ RR ถูกทุบติดฟลอร์ประมาณ 14 วันติด และเป็นหุ้นที่สร้างประวัติศาสตร์ถูกเทขายจนราคาหุ้นลงติดฟลอร์ยาวนานที่สุด
เพียงแต่การขึ้นลงของราคาหุ้นช่วงนั้นกำหนดเพดานสูงสุดและต่ำสุด 10% เท่านั้น
เจ้ามือหุ้น RR และ FCI ที่ขุดบ่อล่อปลา ลากราคาหุ้นและสร้างข่าวกระตุ้น สุดท้ายตายทั้งกลม กระอักใบหุ้นที่ไล่ซื้อสร้างราคาไว้ โดยไม่สามารถหลอกนักลงทุนรายย่อยให้ตามแห่เข้าไปเก็งกำไร เพื่อปล่อยของหรือเทขายหุ้นออกมาได้
ไม่รู้ว่าจุดจบของ MGI จะลงเอยอย่างไร แต่ไม่มีหุ้นตัวใดในโลกที่วิ่งขึ้นได้ตลอด ถึงจุดหนึ่งหุ้น MGI จะต้องปรับฐานลง
แต่จะดิ่งไถลลงแรงจากยอดดอยขนาดไหน คงได้แต่เฝ้ารอดูกันเท่านั้น และควรดูแต่ตา
อย่าได้ไปแตะต้องหุ้น MGI ซึ่งมาไกลสุดกู่หรือสุดยอดดอยสูงชั้นแล้ว และพร้อมจะไถลลงได้ทุกช่วงเวลา