หุ้นบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่เข้าซื้อขายในปีนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้นักลงทุนที่จองซื้อมากนัก โดยหลายบริษัทสร้างผลตอบแทนที่ดี
มีเพียงตัวเดียวที่ย่ำแย่ ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาจองตั้งแต่วันแรก และตั้งแต่เข้ามาซื้อขาย ราคาดิ่งลงทุกวัน สร้างความทุกข์ทรมานให้นักลงทุนที่หลงเข้าไปจองซื้อ
บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO เป็นหุ้นน้องใหม่ตัวร้ายที่เข้ามาสร้างความเสียหายให้นักลงทุน โดยราคาหลุดจองตั้งแต่เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนักลงทุนที่จองซื้อไว้ที่ทำใจตัดขายขาดทุนไม่ได้ โดยถือหุ้นภายใต้ความหวังว่าราคาหุ้นจะฟื้นยิ่งเจ็บหนัก
เพราะหุ้น EURO ปักหัวลงตลอด เข้ามาซื้อขาย 5 วันทำการ ไม่มีวันไหนที่ราคาปรับตัวขึ้น แต่ปักหัวลงทุกวัน นักลงทุนที่จองซื้อไว้และยังไม่ขายเครียดไปตามๆ กัน เพราะเจ็บหนักจากหุ้นตัวนี้
EURO ประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านครบวงจร นำหุ้นจำนวน 78 ล้านหุ้น พาร์ 50 สตางค์ โดยเป็นหุ้นเพิ่มทุน 55 ล้านหุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมพ่วงมาขายอีก 23 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 10.60 บาท
หุ้นที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หลายตัวเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นแล้วมักสาบสูญ เป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ให้ความสนใจ การซื้อขายเงียบเหงา หรือมีสถาพเป็นหุ้นตายซาก เพราะในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ กำลังซื้อหด จะกระทบต่อยอดขายเฟอร์นิเจอร์หรือสื่งของตกแต่ง
หุ้นน้องใหม่ EURO จึงไม่ใช่ธุรกิจที่น่าสนใจนัก แต่กลับกำหนดราคาเสนอขายสูงมาก พิสูจน์ได้จากการที่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาด MAI ตั้งแต่วันแรก มีแรงขายทะลักออกมาทันที และไม่รู้ว่าใครขนหุ้นมาทุบขายใส่นักลงทุน ทุบจนราคาหุ้นไม่มีโอกาสสัมผัสราคาจองตั้งแต่วันแรก
เพราะเปิดซื้อขายครั้งแรกที่ 9.70 บาท ต่ำกว่าจอง 90 สตางค์ และถูกทุบขายตลอดวันจนปิดที่ 8.60 บาท ต่ำกว่าจองหุ้นละ 2 บาท
อีก 4 วันทำการต่อมา EURO ยังคงปักหัวลงต่อเนื่อง จนล่าสุดวันที่ 20 กุมภาพันธ์ลงมาปิดที่ 7.70 บาท ต่ำกว่าจอง 2.90 บาท หรือต่ำกว่าจอง 27.35% ใครจองไว้เจ็บถ้วนหน้า และถ้ายังไม่ขายยิ่งเครียด
เพราะไม่รู้ EURO จะมุดลงไปถึงไหน และเมื่อไหร่จะโผล่หัวขึ้นมาให้นักลงทุนที่จองซื้อมีความหวังขึ้นมาบ้าง
ตลาดหลักทรัพย์กำลังยกเครื่องใหญ่ เกณฑ์การรับหุ้นใหม่ที่จะมีความเข้มข้นดานคุณสมบัติมากขึ้น หลังจากดำเนินนโยบายรับหุ้นใหม่ในเชิงปริมาณมาหลายสิบปี จนมีหุ้นเน่าๆ เข้ามาแล้วราคาหุ้นต่ำจอง หลุดเข้ามาปล้นเงินนักลงทุนจำนวนมาก
โดยเฉพาะตลาด MAI ซึ่งผู้บริหารตลาดกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง ปีนี้อาจมีบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 25ปี นับจากก่อตั้งตลาด MAI โดยอาจมีหุ้นใหม่เข้าซื้อขายถึง 23 บริษัท
แต่หุ้นใหม่ที่รับเข้ามาแล้วราคาหลุดจอง สร้างความเสียหายให้นักลงทุน ไม่รู้ว่าผู้บริหารตลาด MAI ตระหนักในความรับผิดชอบ และสำนึกในความสูญเสียของประชาชนผู้ลงทุนที่นำเงินไปทิ้งในหุ้นเน่าๆ บ้างหรือไม่ หรือยิ้มย่องภาคภูมิใจในความสำเร็จกับนโยบายรับหุ้นในเชิงปริมาณเท่านั้น
ปรากฏการณ์ที่น่าแปลกของหุ้น EURO คือ ตลาด MAI ไม่ได้บรรจุข้อมูลสรุปข้อสนเทศบริษัทไว้ในระบบสารสนเทศของตลาด MAI ทำให้นักลงทุนไม่อาจค้นคว้าศึกษาข้อมูลหุ้น EURO ได้
และแปลกที่การรายงานข้อมูลการซื้อขายหุ้นใหม่ในวันแรก ตลาดหลักทรัพย์กลับตัดทิ้งข้อมูล ราคาบวกหรือลบ และเปอร์เซ็นต์การบวกลบของหุ้นใหม่ โดยปล่อยช่องว่างไว้ ทั้งที่รายการข้อมูลการซื้อขายหุ้นย้อนหลังจะแสดงราคาบวกลบแต่ละวันอย่างครบถ้วน ง่ายต่อการค้นคว้าข้อมูลราคาหุ้นย้อนหลัง
EURO ครองแชมป์หุ้นยอดแย่นับจากต้นปี 2567 ไปแล้ว เพราะกำหนดราคาเสนอขายแพงเกินไป และแพงจนอาจจะทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมทนความเย้ายวนไม่ไหว เทขายหุ้นทิ้งออกมา จนราคามุดหัวลงทุกวัน นักลงทุนที่หลงจองซื้อไว้และยังไม่ขาย ขาดทุนป่นปี้มากขี้นทุกวัน
ตลาดมีนโยบายเลือกเฟ้นคุณสมบัติหุ้นใหม่มากขึ้น เน้นหรับหุ้นที่มีคุณภาพ มีการเติบโตที่ยั่งยืน กรณีหุ้น EURO น่าจะถูกหยิบยกเข้าไปทบทวนถึงการพิจารณารับหุ้นใหม่ด้วย เพื่อวางแนวทางตีกรอบความรับผิดชอบของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งทำหน้าที่แต่งตัวบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียน และบริษัทผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรืออันเดอร์ไรเตอร์
เพื่อป้องกันการสมคบคิด แต่งตัวหุ้นเน่าเข้ามาระดมทุน ตั้งราคาเสนอขายสูงลิบ และสร้างความเสียหายให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้น เช่นเดียวกับหุ้น EURO ที่ทำให้คนจองซื้อหุ้นตายเกลื่อน