บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway ออกข้าง จากปัจจัยกดดันการรายงาน PPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ส่งผลเชิงลบต่อแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ช้าลงกว่าเดิม จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,370-1,400 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นการนำเข้ามาคำนวณใน FTSE Russell กลุ่ม FTSE Mid Cap ชุดที่ตกชั้นมาจาก FTSE Large Cap เรายังชอบ CPF และ HMPRO
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันจากสหรัฐฯ รายงาน PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตสูงกว่าตลาดคาด ทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช้ากว่าคาดการณ์ไว้จากเดิม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน จึงให้กรอบดัชนีที่ 1,370-1,400 จุด
อีกทั้งความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีกดดันอยู่ จากกระแสข่าวว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) มีแนวโน้มลงมติหยุดยิงในฉนวนกาซาในวันอังคารนี้ (20 ก.พ.) แต่สหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าจะใช้สิทธิวีโต้ (veto) ส่วนอิสราเอลขัดขวางความพยายามในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา
ขณะที่ทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/66 โต 1.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 2.4-2.5% และปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 67 เหลือโต 2.2-3.2% จากเดิมคาด 2.7-3.7% ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากหนี้ครัวเรือน-วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) บางกลุ่ม แต่มั่นใจไม่เกิด NPL Cliff
และยังคงต้องเฝ้าติดตามปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลเชิงลบต่อการลงทุน เช่น วันที่ 21 ก.พ. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ และในสัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค วันที่ 29 ก.พ. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
ส่วนปัจจัยต่างประเทศวันนี้ 20 ก.พ. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) สหรัฐฯ รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือน ม.ค. วันที่ 21 ก.พ. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 30-31 ม.ค. วันที่ 22 ก.พ. อียูรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน ก.พ. สหรัฐฯ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือน ม.ค. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นเดือน ก.พ. ยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่คาดว่าจะมีการนำเข้ามาคำนวณในฟุตซี่ รัสเซล (FTSE Russell) หลังจากที่มีการประกาศทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 15 มีนาคม 2567
กลุ่ม FTSE Large Cap ไม่มีหุ้นเข้าใหม่ แต่มีหุ้นออก ได้แก่ CPF, HMPRO, IVL และ SCGP โดยย้ายมาเข้ากลุ่ม FTSE Mid Cap ซึ่งเรายังชอบ CPF และ HMPRO สำหรับกลุ่ม FTSE Small Cap ไม่มีหุ้นเข้าใหม่ แต่มีหุ้นออก ได้แก่ KEX, RABBIT, RAM, SAMART และ WORK
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินว่า สัปดาห์นี้จับตารายงานการประชุม FOMC และดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคบริการของสหรัฐฯ คาดออกมาสูงกว่าครั้งก่อนเนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำสามารถทรงตัวในระดับสูงได้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ การตั้งสำรองของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง โดยคาดว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนตัวในกรอบ 1,980-2,020 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้