เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล ฟุ้งกำไรปกติจากการดำเนินงานตามเป้ากว่า 803 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อนร้อยละ 83.3% บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น
บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ ANI ผู้นำธุรกิจตัวแทนขายและบริหารพื้นที่ขนส่งสินค้าทางสายการบิน (GSA) ระดับภูมิภาค รายงานกำไรสุทธิของบริษัท ประจำปี 2566 อยู่ที่ 803 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนหน้ามีกำไรพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่าทางบัญชี จากการตีมูลค่า บริษัท ASIA GSA(M) จำนวน 639 ล้าน ซึ่งหากคำนวณกำไรปกติในปี 2565 จะอยู่ที่ 438.1 ล้านบาท ทำให้ปี 2566 บริษัทมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าร้อยละ 83.3
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 เพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 92.4 ล้านบาท โดยให้วันที่ 26 เมษายน 2567 เป็นวันที่ไม่ได้สิทธิในการรับเงินปันผล (XD) และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
นายโก๊ะ บี เล็ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมจะเผชิญกับความยากลำบาก ซึ่งถูกกดดันจากค่าระวางที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังภาวะแพร่ระบาด Covid-19 แต่ผลประกอบการของบริษัทยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการความสำเร็จในการเข้าซื้อกลุ่ม Asia GSA (M) และการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว ในการจัดหาสัญญาสายการบินเพิ่มเติม ซึ่งทำให้ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมีสัญญาตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินรวมกว่า 46 สัญญา ทำให้บริษัทมีรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้นจาก 5,347.2 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 5,904.8 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4
ในปี 2567 บริษัทมั่นใจว่าจะยังรักษาการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 จากเป้าเซ็นสัญญาตัวแทนสายการบินเพิ่มเติม และการขยายสาขาไปประเทศอินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการการขนส่งสินค้าจากเส้นทางการบินที่มีความต้องการพื้นที่ระวางสูง เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งในภูมิภาค พร้อมทั้งตอบรับกับการก้าวสู่ผู้ให้บริการระดับภูมิภาคอย่างเต็มตัว โดยที่ผ่านมาบริษัทให้บริการกว่า 20 สายการบิน ครอบคลุมเส้นทาง 8 ประเทศ เช่น ไทย สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน และเวียดนาม และมีมากกว่า 400 จุดหมายปลายทางทั่วโลก
“การขยายสาขาไปอินเดียที่มีภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง กับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจภูมิภาค การปักธงในประเทศเหล่านี้ล้วนจะเสริมศักยภาพของบริษัทให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ในระดับร้อยละ 20 ในปีนี้” นายโก๊ะ บี เล็ง กล่าว