การประกาศผลประกอบการปี 2566 ของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ตเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT จุดพลุให้นักลงทุนแห่ไล่ซื้อหุ้นทันที จนราคาพุ่งทะยาน ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น และก้าวสู่หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 ประจำวัน
JMT แจ้งผลประกอบการผ่านตลาดหลักทรัพย์ คำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยไตรมาสที่ 4 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 540 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการปี 2566 รวม มีกำไรสุทธิ 2,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน 15.2%
ราคาหุ้น JMT พุ่งขึ้นทันทีที่เปิดการซื้อขายในวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ ท่ามกลางแรงซื้อแรงขายที่คึกคัก ก่อนปิดที่ 24.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,225.89 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดอันดับ 1 ประจำวัน
การปรับตัวขึ้นของ JMT ปลุกให้หุ้นกลุ่ม บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ปรับตัวขึ้นตาม ไม่ว่าจะเป็นหุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER หุ้นบริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J และหุ้น บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGC
ผลประกอบการโดยรวมของกลุ่ม JMART ปี 2566 เติบโตขึ้น ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรอีกครั้ง ทั้งที่ปี 2566 หุ้นกลุ่ม JMART อยู่ในอาการย่ำแย่ ราคาตกรูด สร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายปีกันยกแผง
ราคาหุ้น JMART เคยลงไปต่ำสุดในรอบ 12 เดือนที่ 13.10 บาท และ SINGER ในรอบ 12 เดือนลงไปต่ำสุดที่ 7.20 บาท ขณะที่หุ้นบริษัทลูก JMART ตกรูดลงทั้งกลุ่ม
เพราะหุ้นกลุ่ม JMART มักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน โดยหากมีการจุดพลุเก็งกำไรหุ้นตัวใด หุ้นตัวอื่นในกลุ่มจะพุ่งขึ้นตาม เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของหุ้น บริษัทเงินทุน เอกธนกิจ จำกัด หรือ FIN-1 ในอดีต
ราคาหุ้น JMART และ SINGER ที่ทรุดฮวบ ส่งผลกระทบข้างเคียงต่อหุ้นบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งส่ง 2 บริษัทลูกคือ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U และบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ซื้อหุ้น JMART และหุ้น SINGER
กลุ่ม BTS ทุ่มเงินประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้น JMART เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2564 ในราคาหุ้นละ 30.33 บาท และซื้อหุ้น SINGER ในราคา 36.30 บาท
ราคาหุ้น BTS ที่ตกหนักอยู่ช่วงหนึ่ง เป็นเพราะนักลงทุนกังวลการรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทลูกที่ลงทุนใน JMART และ SINGER จึงพากันเทขายหุ้น
กลุ่ม JMART กลับมาแจ้งเกิดใหม่อีกครั้ง โดย JMT เป็นหุ้นนำร่อง และมีผลประกอบการปี 2566 ที่เติบโตเป็นตัวหนุนหลัง แต่รอบนี้กลุ่ม JMART จะไปได้ไกลขนาดไหน
ในรอบ 12 เดือน JMT เคยพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 53.25 บาท และต่ำสุดที่ 20.30 บาท โดยสิ้นปี 2565 ราคาปิดที่ 69 บาท
ค่าพี/อี เรโช JMT อยู่ที่ 18 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 4.34% จึงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ เพียงแต่ผลประกอบการและราคาหุ้นกลุ่ม JMART มีแรงเหวี่ยงสูง บางช่วงมีความผันผวนรุนแรง จึงยังไม่จัดอยู่ในกลุ่มหุ้นที่เหมาะสำหรับการถือเพื่อลงทุนระยะยาว
โบรกเกอร์ 8 แห่งออกบทวิเคราะห์หุ้น JMT โดยทั้งหมดมีคำแนะนำให้ซื้อ และตั้งเป้าหมายราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 35.97 บาท โดยมีบางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายไว้เพียง 25.70 บาท แต่บางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายไว้ที่ 40 บาท
หุ้นกลุ่ม JMART มักจุดพลุเก็งกำไรกันช่วงสั้นเมื่อมีข่าวดีกระตุ้น เช่นเดียวกับ JMT ซึ่งไม่รู้รอบนี้จะร้อนไปได้กี่วัน
นักลงทุนที่จะโดดใส่ห้นกลุ่ม JMART หรือ JMT ต้องรู้ธรรมชาติหุ้นกลุ่มนี้
เพราะเข้าผิดจังหวะเจ็บตัวหรือ “ติดดอย” ยาวนานได้เหมือนกัน