ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายหุ้นบริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ทันที เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนการเป็นบริษัทจดทะเบียน หลังถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
อนาคต ALL ดับวูบลงแล้ว และทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 7 พันราย ต้องหายนะ หมดตัวไปด้วย
ALL เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 4.90 บาท จากพาร์ 1 บาท และลดพาร์เหลือ 50 สตางค์ เมื่อวัน 20 เมษายน 2565
ในระยะแรกที่เข้ามาซื้อขาย ALL จัดอยู่ในหุ้นร้อน มีการสร้างข่าวกระตุ้นนักลงทุนให้แห่เข้ามาเก็งกำไร โดยมีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บางคนเป็นกองเชียร์
แต่สถานภาพการเป็นหุ้นเก็งกำไรร้อนแรง ดำรงอยู่ไม่นาน เพราะผลประกอบการย่ำแย่ ขาดทุนติดต่อหลายปี จนมีหนี้สินล้นพ้นตัว สุดท้ายไปต่อไม่ได้ ถูกศาลล้มละลายสั่งพิทักษ์ทรัพย์ และถือเป็นหุ้นที่มีอายุสั้นมากตัวหนึ่ง
เพราะเข้ามาระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ทันครบ 5 ปี ก็มีอันเป็นไป อยู่ในข่ายถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้นเสียแล้ว
ALL ขาดทุนหนักและต่อเนื่องหลายปี โดยปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 347.20 ล้านบาท ปี 2564 ขาดทุนสุทธิ 1,494.79 ล้านบาท และงวด 9 เดือนแรกปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 1,832.01 ล้านบาท
ต้นปี 2566 ALL รายงานข้อมูลที่น่าตกใจ ส่งสัญญาณถึงการล่มสลายที่คืบคลานเข้ามา โดยแจ้งการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ จำนวนเงินเพียง 10.64 ล้านบาท
ราคาหุ้น ALL ในช่วงนั้นเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 30 สตางค์ และแม้มีสัญญาณบอกเหตุร้าย แต่นักลงทุนรายย่อยส่วนใหญ่กลับไม่ชิงขาย และรีบเผ่นออกในทันที จนราคาหุ้นทรุดตัวต่อเนื่อง และล่าสุดวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปิดการซื้อขายที่ 3 สตางค์ โดยไม่รู้ว่าหุ้นจะได้กลับมาซื้อขายใหม่เมื่อไหร่
ผู้สอบบัญชีรายงานผลการสอบบัญชี ALL โดยไม่แสดงความเห็นต่อข้อมูลทางการเงินระหว่างกาลที่สอบทาน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 และระบุถึงการขาดสภาพคล่องทางการเงิน มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน จำนวน 2,106.68 ล้านบาท และภาระผูกพันในการจ่ายชำระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกำหนดภายใน 1 ปี จำนวน 1,433.65 ล้านบาท
กลุ่มบริษัท ALL มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนมีผลขาดทุนเกินทุนจำนวน 955.89 ล้านบาท และขาดสภาพคล่องทางการเงิน
เป็นเหตุให้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้
รวมถึงผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้และผิดนัดชำระคืนเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า โดยมีหนี้หุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปีจำนวน 2,326.58 ล้านบาท
จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย ALL หลังปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 29 มีนาคม 2566 มีทั้งสิ้น 7,456 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจ เมื่อเทียบกับช่วงปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 22 มีนาคม 2565 ซึ่งมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพียง 3,134 รายเท่านั้น
ทั้งที่ปี 2564 และปี 2565 ALL มีผลประกอบการขาดทุน แต่ทำไมนักลงทุนรายย่อยจึงแห่เข้าไปเก็งกำไร ซึ่งต้องไปย้อนดูช่วงเวลาว่ามีการสร้างข่าวกระตุ้นราคาหุ้น ทำให้นักลงทุนจำนวนกว่า 4 พันคน หลงเข้าไปติดกับดักหุ้น ALL ระหว่างเดือนมีนาคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 หรือไม่
ALL ถูกพักการซื้อขายแล้ว และเข้าข่ายถูกเพิกถอน ต้องแก้ไขเหตุแห่งการถูกเพิกถอนเสียก่อน หุ้นจึงกลับมาซื้อขายได้ใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลายาวนานกี่ปี และจะแก้ไขเหตุแห่งการเพิกถอนได้หรือไม่ เพราะมีหนี้สินพะรุงพะรัง
วาระสุดท้ายของ ALL คืบคลานเข้ามา โดยมีนักลงทุนกว่า 7 พันชีวิตที่ต้องเซ่นสังเวย พร้อมกับผู้ถือหุ้นกู้อีกนับพันชีวิตที่ต้องสูญเสีย
และไม่อาจเรียกร้องความรับผิดชอบหรือเอาผิดกับผู้บริหาร ALL คนใดได้