นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.เดินหน้าสร้างความเท่าเทียมให้กับนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการยกระดับมาตรการกำกับดูแลซื้อขายด้วย Program Trading และการซื้อขายแบบ High Frequency Trade (HFT) ซึ่งเตรียมประกาศออกมาในเดือน มี.ค.นี้ หลังจากที่ได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่ง ตลท.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษามาศึกษาในเรื่องการปรับปรุงมาตรการ คาดว่าช่วงต้นมี.ค. 67 จะมีความชัดเจนของการยกระดับมาตรการดังกล่าว
ก.ล.ต.มองว่าการซื้อขายด้วย Program Trading เป็นเครื่องมือที่ใช่ในการซื้อขายตามสากลที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และสัดส่วนการซื้อขายด้วย Program Trading ในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วน 30-40% ของมูลค่าการซื้อขาย น้อยกว่าในต่างประเทศที่มีสัดส่วน 70-80% ของมูลค่าการซื้อขาย แต่ ก.ล.ต.จำเป็นต้องปรับปรุงและยกระดับ Action ในมาตรการควบคุมการซื้อขายเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับนักลงทุน ยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของตลาดให้ดีขึ้น ประกอบกับการดูแลความเสี่ยงเพื่อทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย "Program Trading ไม่ใช่ผู้ร้าย เป็นเพียงวิธีการส่งคำสั่งซื้อขายที่เป็นมตารฐานสากลที่ใช้ แต่ ก.ล.ต.ก็ต้องเข้ามาดูแลพฤติกรรมของ Program Trading ให้เหมาะสมว่าควรมีรูปแบบยังไง จะจัดการการใช้อย่างไร และ Detect ยังไง เพื่อยกระดับคุณภาพของตลาด" นางพรอนงค์ กล่าว
สำหรับกรณีของบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด (Zipmex) หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 67 ก.ล.ต.ได้สั่งระงับการให้บริการเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั่วคราว เนื่องจากยังไม่สามารถแก้ไขฐานะการเงินและการดำเนินงานที่บกพร่องได้ตามการสั่งการ โดยให้แก้ไขการดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ซึ่งเป็นระยะที่ 2 ของกฎหมายที่สั่งให้แก้ไขนับตั้งแต่วันที่ออกคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ Zipmex ไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งได้ภายใน 15 วัน จะเข้าสู่ระยะที่ 3 ที่ก.ล.ต.จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ Zipmex ซึ่งปัจจุบันยังคงรอความคืบหน้าของ Zipmex ว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขตามที่กำหนดได้หรือไม่