xs
xsm
sm
md
lg

TEGH ปี 67 ลุ้นขายยางออลไทม์ไฮ ออเดอร์ยุโรป จีน อินเดียพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เผยแนวโน้มผลงานปี 67 ยอดขายมีลุ้นออลไทม์ไฮ เหตุยางแท่งได้ประโยชน์เต็มเหนี่ยวจากกฎหมาย EUDR รวมทั้งดีมานด์จากลูกค้ายุโรป และจีนพุ่งสูง พ่วงกับแผนขยายตลาดอินเดีย ผู้บริหารลั่นพร้อมเติบโตทุกสายธุรกิจแบบเต็มพิกัด ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทน บนพื้นฐานความมุ่งมั่นการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน ตั้งเป้า Net Zero ปี 2573

น.ส.สินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ยังมีทิศทางที่สดใส โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่งมีโอกาสที่ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) ในปีนี้ จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น

โดย TEGH มียอดการผลิตและจำหน่ายยางแท่งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด และหากดูยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายยางแท่ง 150,506 ตัน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2565 โดยทั้งปี 2566 มียอดขายยางแท่งรวมกว่า 200,000 ตัน

ขณะเดียวกัน TEGH จะได้รับผลดีจากกรณีที่สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมาย EUDR (EU Deforestation-free Products Regulation) ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยสินค้าต้องผลิตจากแหล่งวัตถุดิบที่ไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า ไม่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า และต้องมีเอกสารสิทธิการใช้ที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงการจัดการสวนยางต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนโดยรอบ

“TEGH คาดการณ์ว่าปีนี้มีโอกาสที่ยอดขายยางแท่งจะทำสถิติสูงสุดแบบออล ไทม์ ไฮ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวทำให้ราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ดีมานด์จากยุโรปและจีนกลับมา รวมทั้งเราได้ขยายตลาดไปอินเดีย ที่สำคัญเรายังได้รับผลเชิงบวกจากการบังคับใช้กฎหมาย EUDR เพราะเรามีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มานานแล้ว ลูกค้าให้ความสนใจ ติดต่อเข้ามาขอเจรจาทำสัญญาซื้อขายสินค้ายางแท่งเกรด EUDR แล้ว ทั้งในโซนยุโรปและเอเชีย ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายยางแท่งของเรามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น” น.ส.สินีนุช กล่าว

สำหรับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน เนื่องจาก TEGH ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น และจะติดตั้งหม้อนึ่งปาล์ม (Sterilizer) เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบของเราเพิ่มขึ้นอีก 50% ภายในปี 2569

ขณะที่ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ประสบความสำเร็จจากโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพเฟสที่ 1 ที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเมื่อกลางปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถ COD เฟสที่ 2 ได้ในปีนี้ ส่งผลให้ TEGH สามารถรับบริหารจัดการกากอินทรีย์เพิ่มขึ้นอีกวันละ 700 ตัน ผลิตก๊าซชีวภาพได้เพิ่มขึ้นวันละ 70,000 ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งปัจจุบัน เริ่มมีรายได้จากการขาย Carbon Credit เข้ามาเสริมอีกทางหนึ่งด้วย

ในปี 2567 กลุ่ม TEGH ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้นักลงทุน ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2573


กำลังโหลดความคิดเห็น