นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) เปิดเผยว่า จากกรณีที่บริษัททัวร์ได้กล่าวหาว่า JKN ผิดเงื่อนไขข้อตกลงการดำเนินโครงการ Hello Universe Tour เพื่อพานักท่องเที่ยวไปชมการประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ประเทศเอลซาวาดอร์ โดยสำรองการจ่ายเงินมูลค่ากว่า 1,450,000 บาทนั้น
JKN ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากการทำข้อตกลงกับบริษัททัวร์นั้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขการแบ่งผลประโยชน์ (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว) ให้แก่บริษัทในอัตรา 60% และแบ่งผลประโยชน์ให้แก่บุคคลดังกล่าว 40% โดย JKN มีหน้าที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ทัวร์ผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท ขณะที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่จัดทำแพกเกจทัวร์ ติดต่อประสานงานกับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ปฏิบัติการทัวร์ รับจองทัวร์ เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายตั๋วท่องเที่ยว และเป็นผู้รับเงินจากลูกค้าที่จองซื้อทัวร์ทั้งหมด พร้อมต้องจัดทำสรุปรายรับ รายจ่าย และยอดเงินคงเหลือทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บริษัททัวร์ดังกล่าวกลับแสดงเอกสารเพียงรายรับและรายจ่ายด้วยเอกสารเพียง 1 แผ่น พร้อมเรียกร้องให้ JKN ชำระเงินค่าใช้จ่ายส่วนเกินประมาณ 1,450,000 บาทในทันที และบริษัทได้ร้องขอเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ ซึ่งภายหลังได้รับเอกสารจากบริษัททัวร์และทำการตรวจสอบ พบความผิดปกติของค่าใช้จ่ายหลายรายการ เช่น ยอดเงินภาษีขายโดยบุคคลดังกล่าวเรียกเก็บจากลูกค้ามาแล้ว แต่นำมารวมในค่าใช้จ่ายให้ชำระเพิ่มเติมซึ่งเป็นการคิดภาษีขายซ้ำซ้อน ค่าใช้จ่ายตามใบเสร็จ/บิลเงินสด ที่ไม่สามารถบอกแหล่งที่มาในการนำเงินไปชำระได้อย่างชัดเจน มีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดทัวร์ ไม่มีการเปรียบเทียบราคาค่าห้องพัก ค่าตั๋วเครื่องบิน มาให้บริษัทพิจารณา การเบิกเงินค่าอาหารที่ซ้ำซ้อนกันในหลายรายการรวมเป็นเงินจำนวนมาก ค่าจัดทำเว็บไซต์สำหรับการจองทัวร์ที่มีการตกลงกันว่าบริษัททัวร์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าทิป (ค่าตอบแทนตามความพึงพอใจ) ที่บริษัททัวร์ชำระให้แก่ผู้ให้บริการรายอื่นตามอำเภอใจและไม่ได้กำหนดวงเงินให้ชัดเจน อีกทั้งไม่ได้รับการอนุมัติจากบริษัท เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัททัวร์ดังกล่าวยังไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการประชาสัมพันธ์โดย JKN อีกกว่า 2,700,000 บาท
ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโอกาสให้บริษัททัวร์ดังกล่าวเข้ามาชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมหลายครั้ง แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ดำเนินการใดๆ และยืนยันให้บริษัทชำระเงินซึ่งเป็นการกระทำอันไม่สุจริต ดังนั้นบริษัทจึงไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องได้จนกว่าจะพิสูจน์ความถูกต้องของรายงานสรุปค่าใช้จ่ายได้ แต่การที่บุคคลดังกล่าวได้แถลงข้อเท็จจริงที่เป็นความเท็จต่อสาธารณะ กล่าวหาว่าบริษัทมีพฤติการณ์หลอกลวง จึงเป็นการกระทำที่ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้น JKN จึงขอสงวนสิทธิจะดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายอย่างถึงที่สุดจากบุคคลดังกล่าวต่อไป