ในตลาดหุ้นมีบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจการจัดประกวดนางงามอยู่ 2 บริษัท ซึ่งสถานการณ์ราคาหุ้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หุ้นบริษัทหนึ่งกำลังพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงสุดขีด แต่อีกบริษัทเริ่มเงียบเหงาซบเซา
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ซึ่งเคยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีนายแอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ส่วนบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เป็นผู้จัดประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ จดทะเบียนในตลาด MAI มีนายณวัฒน์ อิศรไกลศีล เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หุ้น MGI เข้ามาซื้อขายเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 จากราคาจองหรือราคาที่เสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกหุ้นละ 4.95 บาท แต่ราคาหุ้นวิ่งระเบิดเถิดเทิง จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย
กำหนดให้ต้องซื้อหุ้น MGI ด้วยเงินสด และห้ามนำหลักทรัพย์คำนวณการซื้อขาย แต่ไม่สามารถดับความร้อนแรงของราคาหุ้นได้ จนต้องขยายเวลาใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเป็นครั้งที่สอง ซึ่งปัจจุบันราคาเริ่มสงบลงบ้าง แต่ไม่รู้ว่าสิ้นฤทธิ์หรือยัง
MGI เคยถูกลากขึ้นติดต่อ 6 วันทำการ จนราคาสร้างจุดสูงสุดนับจากเข้าซื้อขาย โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ปิดที่ 25.50 บาท ก่อนจะอ่อนตัวลงมาปิดล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ 24.90 บาท สูงกว่าราคาจอง 219.95 บาท หรือสูงกว่าจอง 403.03%
การเข้ามาของหุ้นนางงามตัวที่ 2 หรือ MGI ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคักสุดเหวี่ยง เกิดขึ้นขณะที่หุ้น JKN กำลังเจอมรสุมอย่างหนัก หลังไม่สามารถไถ่ถอนหนี้หุ้นกู้ที่ครบกำหนดวงเงินประมาณ 450 ล้านบาทได้ ก่อนยื่นศาลล้มละลายขอฟื้นฟูกิจการ
ราคาหุ้น JKN ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนแห่กันเทขาย เพราะไม่มั่นใจว่ากิจการจะไปรอดหรือไม่ จนราคาหล่นลงมาเหลือเพียง 22 สตางค์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด นับจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
แต่ท่ามกลางกระแสข่าวร้ายที่รุมกระหน่ำ JKN ได้ประกาศข่าวการทำข้อตกลงซื้อขายธุรกิจมิสยูนิเวิร์ส 50% ในราคา 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 581.92 ล้านบาท ให้บริษัท Legacy Holding Group USA Inc.
ราคาหุ้น JKN ที่กำลังป่วยไข้ ไม่รู้จะไปทิศทางไหน ขยับตัวในกรอบแคบๆ พุ่งทะยานรับข่าวทันที และวิ่งแรง 4 วันซ้อน ขยับชนเพดานสูงสุด 30% ถึง 2 วัน จากราคาปิดเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ 48 สตางค์ พุ่งขึ้นมาปิดที่ 1.21 บาท ในวันที่ 25 มกราคม รวม 4 วันทำการเพิ่มขึ้น 763 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 152.08%
ช่วงที่หุ้น MGI กำลังร้อนจัด หุ้น JKN เหี่ยวเฉา สลบไสลไม่ได้สติ แต่ช่วงนี้หุ้น JKN ฟื้นคืนสู่ความคึกคัก หุ้น MGI กลับฟุบลง แสดงอาการเหมือนจะปรับฐานใหญ่ เพราะราคามาไกลจนนักลงทุนรายย่อยไม่กล้าตามแห่
MGI มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยเพียง 508 ราย แต่ JKN มีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 22,361 ราย ซึ่งแทบทั้งหมดแบกหุ้นต้นทุนสูงไว้ และหวังว่า JKN จะพ้นจากวิกฤตหนี้
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นนางงามทั้ง 2 บริษัท ไม่ว่า JKN และ MGI ยังเป็นราคาที่มีความเสี่ยงสูง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้คำแนะนำหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะนักลงทุนที่หัวใจเปราะบาง
เพราะ JKN และ MGI พร้อมถูกเท ราคาหุ้นไถลลงได้ทุกเมื่อ