ธนาคารกรุงเทพประกาศยุทธศาสตร์ Connecting ASEAN หรือเชื่อมโยงอาเซียน สนองนโยบายรัฐบาลในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) เข้าสู่ประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนระยะยาว อีกทั้งสนับสนุนธุรกิจไทยที่ขยายกิจการไปทั่วภูมิภาค
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพดำเนินยุทธศาสตร์ Connecting ASEAN หรือเชื่อมโยงอาเซียน ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) เข้าสู่ประเทศไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนระยะยาว รวมทั้งนโยบายสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green - BCG) และการยกระดับของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) ให้เป็นศูนย์กลางอัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน โดยที่ผ่านมา ลูกค้าต่างประเทศของธนาคารกรุงเทพได้เริ่มเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งธนาคารได้ให้การสนับสนุนไปแล้วหลายรายไม่ว่าจะเป็นบริษัท บีวายดี เกรทวอลล์มอเตอร์ส และฉางอาน
"ภูมิภาคอาเซียนยังมีโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนอีกมาก ขณะที่ตลาดอื่นๆ ทั่วโลกกำลังชะลอตัว ขณะที่ธนาคารกรุงเทพเป็นธนาคารไทยที่มีความพร้อมที่จะการสนับสนุนบริษัทที่ต้องการขยายตลาดในระดับภูมิภาค เนื่องจากธนาคารมีเครือข่ายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ที่มีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง และมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับพันธมิตรในประเทศเหล่านั้น ที่สืบทอดมาตลอด 8 ทศวรรษ และที่มีเครือข่ายสาขาใน 9 จาก 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน มีธนาคารในเครือ คือ ธนาคารเพอร์มาตา ที่อินโดนีเซีย ธนาคารบางกอกแบงกฺเบอร์ฮาด ที่มาเลเซีย และธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) นอกเหนือจากสาขาในฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถช่วยเชื่อมโยงลูกค้าเหล่านี้กับบริษัทอื่นๆ ที่มีโอกาสจะร่วมมือกันได้ทั่วทั้งภูมิภาค"
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงเทพตระหนักดีว่า นอกจากลูกค้ากลุ่มที่มีความเข้มแข็งและพร้อมคว้าโอกาสใหม่ๆ แล้ว ยังคงมีลูกค้าอีกส่วนหนึ่งที่ยังเปราะบาง สืบเนื่องมาตั้งแต่การระบาดของโรคโควิด-19 และยังไม่ฟื้นตัวในภาวะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัวลง ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อช่วยลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและลูกค้าบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ให้สามารถผ่านช่วงนี้ไปได้ ตามแนวทางเดียวกับที่ธนาคารได้ดำเนินการมาแล้วในช่วงก่อนหน้า ที่กิจกรรมทางธุรกิจได้ชะงักงันเนื่องจากโควิด-19 ในปี 2563 และต่อเนื่องถึงปี 2566
“ท่ามกลางความผันผวนทางธุรกิจในระบบเศรษฐกิจโลก ธนาคารกรุงเทพพร้อมดำเนินการเพื่อสนับสนุนลูกค้าให้สามารถผ่านความท้าทายและความยากลำบากเหล่านี้ และสามารถแสวงหาโอกาสที่เหมาะสมสำหรับสร้างการเติบโต โดยจะดำเนินการอย่างสอดรับกับรัฐบาลที่ได้ออกมาตรการลดภาระค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และมาตรการต่างๆ มาให้ความช่วยเหลือ และสอดรับกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อช่วยดูแลเงินเฟ้อ และช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีเสถียรภาพมากขึ้น เพื่อให้บริษัทไทยสามารถฟันฝ่าอุปสรรค ก้าวข้ามความท้าทายที่รออยู่ และเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป”